ขแมร์ไทม์สรายงานว่าฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพุชาโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คเมื่อกลางดึกทื่ผ่านมา (เสาร์ที่ 7 มิย.) เรียกร้องชาวกัมพูชาอย่าจุดกระแสข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาให้ลุกลามไปยังภาคส่วนอื่นๆ โดยเฉพาะทำให้กลายเป็นเรื่องของความเกลียดชังเชื้อชาติ
ฮุนเซนกล่าวว่าเขาเห็น “ดวงใจ” (Duong Chhay) โพสต์ข้อความปลุกระดมให้หยุดใช้สินค้าไทย และว่านายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ตและตัวเขาเคยพูดหลายครั้งแล้วว่าอย่ายกระดับความขัดแย้งปัญหาชายแดนไปสู่เรื่องอื่นๆ รวมทั้งการจุดกระแสความเกลียดชัง
ฮุนเซนยังกล่าวต่อว่ากองทัพไทยเป็นฝ่ายสั่งปิดชายแดนปอยเปตเร็วขึ้นกว่ากำหนดฝ่ายเดียว ดังนั้นประเทศไทยจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว และว่าเขาขอเตือนทั้งคนกัมพูชาและคนไทยว่าถ้าหากสินค้าไทยหายไปจากตลาดกัมพุชา นั่นไม่ใช่เพราะชาวกัมพูชาเลือกที่จะบอยคอตสินค้าไทย แต่เพราะนั่นเป็นผลมาจากการปิดด่านชายแดน และว่าคนไทยจะต้องไปแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยตรงกับรัฐบาลไทยเอง และว่าคนไทยเองนั่นแหละที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการปิดด่าน ในส่วนของชาวกัมพูชา ฮุนเซนบอกว่าการที่สินค้าไทยหายไปจากตลาดเขมร ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลกัมพูชา ดังนั้นกรุณาอย่ามากล่าวโทษรัฐบาล แต่ต้องโทษการตัดสินใจของไทยที่สั่งปิดด่าน พร้อมกันนี้ฮุนเซนก็ขอให้ชาวกัมพูชานิ่งๆไว้ ให้ใช้วุฒิภาวะ, อดทนและสุภาพ หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆที่จะทำให้ชาวต่างชาติมาดูถูกศักดิ์ศรีของชาวกัมพูชาได้
ฮุนเซนยังยกสถิติการค้าขายกับไทย โดยเผยว่าปีที่แล้ว (2567) กัมพูชาส่งออกสินค้ามายังไทยคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1 พัน 100 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือ 3 หมื่น 6 พันล้านบาท ขณะที่ไทยส่งสินค้ามากัมพูชามากกว่า 5 พัน 200 ล้านดอลล่าร์สหรัฐหรือ 1 แสน 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งหมายความว่าไทยได้ดุลย์การค้ากัมพูชากว่า 4 พัน 100 ล้านดอลล่าร์ หรือกว่า 1 แสน 3 หมื่นล้านบาท และ 5 เดือนแรกของปีนี้ (2568) กัมพูชาส่งสินค้ามาไทยมูลค่ามากกว่า 200 ล้านดอลล่าร์หรือกว่า 6 พัน 500 ล้านบาท ขณะที่ไทยส่งสินค้าไปกัมพูชาราว 1 พัน 500 ล้านดอลล่าร์หรือกว่า 4 หมื่น 9 พันล้านบาท