ด้านนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าสิทธิประโยชน์ที่ทายาทผู้เสียชีวิตจะได้รับ ดังนี้

1) สถาบันประกันภัยอิสราเอล ปัจจุบันทายาทยื่นขอรับเงินสิทธิประโยชน์กรณีเป็นตัวประกัน ทั้งนี้ หลังจากพบและยืนยันว่าเป็นผู้เสียชีวิต สถาบันประกันภัยอิสราเอล จะเปลี่ยนสิทธิประโยชน์เป็นกรณีเสียชีวิตแทน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

2) กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ กรมการจัดหางาน กรณีเสียชีวิต ครอบครัวหรือทายาทได้รับเงินสงเคราะห์เหมาจ่าย 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพในต่างประเทศเท่าที่จ่ายจริง ไม่เกิน 40,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเอกสาร/หลักฐาน

3) สิทธิจากกองทุนประกันสังคม ผู้เสียชีวิตเคยเป็นผู้ประกันตนมาก่อน มีสิทธิได้รับเงินชราภาพ 64,202.18 บาท ไม่รวมดอกผล

4) ค่าจ้างค้างจ่าย เงินปิซูอิม ซึ่งในส่วนนี้ฝ่ายแรงงานฯ ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ อยู่ระหว่างการติดตาม

ในส่วนของการดำเนินการที่ประเทศไทย ล่าสุดผมได้รับรายงานจากแรงงานจังหวัดแพร่เบื้องต้น ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจครอบครัว นายณัฐพงษ์ ปินตา แรงงานไทย อายุ 35 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ที่หมู่ที่ 11 ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ซึ่งพบว่า ครอบครัวแรงงานที่เสียชีวิต มีขวัญและกำลังใจดีและครอบครัวยังฝากขอบคุณมายังท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน หัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดแพร่ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีความห่วงใยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนการส่งศพกลับมาทำพิธีบำเพ็ญกุศลนั้น เบื้องต้นรอพิสูจน์อัตลักษณ์ยืนยันการเสียชีวิต จากทางการอิสราเอล ก่อนจะเดินเรื่องส่งร่างกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิด และประสานเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาตามสิทธิประโยชน์ต่างๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ส่งผลให้แรงงานไทยเสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลจากการโจมตีของกลุ่มฮามาส
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 รวมทั้งสิ้น 42 ราย ส่งร่างกลับประเทศไทยแล้ว 39 ราย และอยู่ระหว่างการส่งร่างกลับอีก 3 ราย