หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ แถลงว่า ได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือจากเรือบรรทุกยานยนต์ “มอร์นิง ไมดาส” หลังเกิดเหตุไฟไหม้ ห่างประมาณ 480 กิโลเมตรจากเกาะ อาดัก รัฐอะแลสกา เมื่อช่วงบ่ายวันอังคาร(3 มิ.ย.)ตามเวลาท้องถิ่น โดยอพยพลูกเรือทั้งหมด 26 คน ไปยังเรือสินค้าอีกลำที่อยู่ใกล้เคียง
ต่อมา โซดิแอก มาริไทม์ (Zodiac Maritime) บริษัทที่บริหารจัดการเรือมอร์นิง ไมดาส” มีสำนักงานในอังกฤษ ระบุในแถลงการณ์ว่า ขณะประสบเหตุ เรือบรรทุกรถประมาณ 3 พันคัน ในจำนวนนี้เป็นรถไฟฟ้า ประมาณ 800 คัน ลูกเรือพบเห็นควันพวยพุ่งครั้งแรกจากดาดฟ้าเรือที่บรรทุกรถไฟฟ้า และพยายามดับไฟ แต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ขณะนี้ ปฏิบัติการกู้เรือกำลังดำเนินอยู่
บริษัทไม่เปิดเผยว่าใครเป็นเจ้าของรถยนต์ แต่ข้อมูลจากเวบไซต์ติดตามการเดินเรือ พบว่า เรือ มอรนิ่ง ไมดาส ขนาด 4 หมื่น 6 พัน 800 ตัน สร้างโดยบริษัท เซียะเหมิน ชิพบิลดิ้ง อินดัสตรี ในปี 2549 ออกจากเมืองท่าเอียนไถ มณฑลซานตง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม มุ่งหน้าท่าเรือ “ลาซาโร การ์เดนนาส” ประเทศเม็กซิโก กำหนดถึงปลายทาง 15 มิถุนายน ก่อนหน้านั้น แวะเทียบท่าเรือในจีนสองแห่ง ได้แก่ หนานซา ทางใต้ กับเซี่ยงไฮ้
อัลลิแอนซ์ บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่ ออกรายงานเมื่อเดือนที่แล้วว่า ความต้องการแบตเตอรีลิเทียมสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงรถไฟฟ้า เป็นความเสี่ยงใหม่ของอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือของโลก ไฟไหม้รถไฟฟ้าดับได้ยาก และอันตราย สภาพแออัดบนเรือ ทำให้การระบายอากาศไม่เพียงพอ และอาจทำให้ความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สภาพแวดล้อมที่คับแคบและมีแผงเหล็กกั้น ทำให้การควบคุมเพลิงและการกู้ภัยเสี่ยงอันตราย นอกจากนี้ เวลาที่ไฟเผาไหม้รถไฟฟ้า ก็มักจะไหม้นานกว่าและร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ที่เรียกกัน “ เทอร์มอล รันอะเวย์” (Thermal Runaway ) กระบวนการที่อุณหภูมิในเซลล์แบตเตอรี่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดควัน ไฟไหม้ หรือระเบิด ลุกลามเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ และไม่สามารถควบคุมได้
การดับไฟไหม้แบตเตอรีลิเทียม อาจต้องใช้น้ำถึง 3 หมื่นลิตร