“รศ.หริรักษ์” ข้องใจ “กลาโหมไทย” อ่อนข้อกัมพูชา เหตุปะทะช่องบก ชี้เจรจา “เขมร” ไม่ง่าย จะรบก็ยาก

“รศ.หริรักษ์” ข้องใจ รมว.กลาโหม อ่อนข้อให้กัมพูชากรณีช่องบก สงสัยรัฐบาลคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หรือคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลักกันแน่

“รศ.หริรักษ์” ข้องใจ “กลาโหมไทย” อ่อนข้อกัมพูชา เหตุปะทะช่องบก ชี้เจรจา “เขมร” ไม่ง่าย จะรบก็ยาก – Top News รายงาน

รศ.หริรักษ์

เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟชบุ๊กว่า ทหารไทยกับทหารกัมพูชามีการกระทบกระทั่งกันตามแนวชายแดนที่ช่องบก มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นาย ได้ยินหลายท่านพูดว่า ไทยเราเหนือกว่าเขมรมาก ทั้งในด้านกำลังรบ และอาวุธยุทโธปกรณ์ เขมรไม่มีทางสู้ได้

ขอเรียนว่า อดีตทหารระดับพลโทท่านหนึ่ง ซึ่งเคยสู้รบในกัมพูชา และเกาะกงเป็นเวลากว่า 2 ปี รู้จักฮุนเซ็นเป็นส่วนตัว เคยมีบทบาทในการเจรจาสงบศึกระหว่างเขมร 3 ฝ่ายหรือ 4 ฝ่ายก็ตามมาแล้ว และยังคงติดตามสถานการณ์ในกัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง มีความเห็นว่า รบกับกัมพูชาในปัจจุบัน ไม่ง่ายอย่างที่เราเข้าใจ ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

1. คนกัมพูชา หรือเขมร มีเลือดรักชาติสูง และด้วยการปลูกฝังหรือโดยธรรมชาติก็ตาม ค่อนข้างจะมีความไม่ชอบ กระทั่งเกลียดชังคนไทยอยู่ไม่น้อย ดังนั้นทหารกัมพูชาพร้อมที่จะต่อสู้กับทหารไทยอย่างถวายหัว
2. รัฐบาลกัมพูชาชุดนี้อยู่มาต่อเนื่องยาวนาน เขาจะไม่ย้ายนายทหารที่มีความสำคัญที่ประจำอยู่ตามชายแดนไปอยู่ในพื้นที่อื่น อาจมีการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง แต่จะประจำอยู่ที่เดิมเป็นเวลานาน ดังนั้นทหารกัมพูชาจึงมีความชำนาญในพื้นที่ชายแดนแต่ละแห่งมากกว่าทหารไทยมาก

3. จีนให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์แก่กัมพูชาเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ไทยไม่เคยได้รับความช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งจากจีนและจากชาติตะวันตกมานาน ดังนั้นกองทัพกัมพูชาอาจมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยและล้ำสมัยยิ่งกว่าและมากกว่าไทยเสียอีก

ปัญหาเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นปัญหาที่ซับซ้อน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะชาวบ้านในพื้นที่ของไทยเอง ที่บางครั้งก็แอบไปย้ายหลักเขตให้ลึกเข้ามาในฝั่งไทย แล้วแอบเข้าไปตัดไม้ หาของป่า และทรัพยากรอื่นๆ เพื่อหลีกหนีการจับกุมหรือขัดขวางจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย เมื่อย้ายหลักเขตแล้ว ฝ่ายกัมพูชาก็จะอุบไว้ แล้วยึดถือแนวหลักเขตนั้นในการเจรจา เนื่องจากเป็นฝ่ายได้พื้นที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้การเจรจามีความยากลำบากอย่างยิ่ง

ในขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและเจ้านายของเขาให้ข่าวว่า ไม่มีอะไรน่าห่วงเพราะผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันได้อยู่แล้ว แต่ไม่ว่ากองทัพเราจะมีท่าทีแข็งกร้าวเพียงใด พอขึ้นมาถึงระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ดูเหมือนว่า เราจะอ่อนข้อให้กัมพูชาเสมอ เลยชักสงสัยว่า รัฐบาลเราคำนึงถึงประโยชน์ของชาติเป็นหลัก หรือคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลักกันแน่

ขณะนี้เรื่อง MOU 44 ดูเหมือนรัฐบาลจะให้ชะลอไว้ก่อน เนื่องจากกระแสคัดค้านหนาแน่นมาก แต่อย่าได้เผลอ เป็นอันขาด เพราะผลประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลในพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์มีมากมายมหาศาล มีโอกาสเมื่อใด จะต้องเดินหน้าต่ออย่างแน่นอน ต่างจากกรณี Entertainment Complex ที่เป็นเรื่องเร่งด่วนมากกว่า จึงหันมาเร่งเรื่องนี้โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านใด ๆ  ถึงวันที่ 13 มิถุนายนนี้ จะบอกได้ว่า พวกเขาจะมีโอกาสทำลายประเทศเราต่อไปอีกนานแค่ไหน เรามาคอยลุ้นกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เบื้องหลัง "นายกฯอนุทิน" ตัดสินใจยุบสภาฯ พรรคปชน.ยื่นซักฟอกล้มรัฐบาล ผิดหวังแพ้มติ ปิดกั้นสว.ห้ามยุ่งแก้รธน.
MOU ขับเคลื่อนเมืองท่องเที่ยวปลอดภัย
พุทธา–เทวาภิเษก “เหนือดวง องค์พ่อจตุคามรามเทพ” 108 พระเกจิปลุกเสกเข้มขลัง
“Phuket Detox 18 ปีแห่งความไว้วางใจ” สู่ก้าวใหม่ของนวัตกรรมเพื่อคนภูเก็ต
"สันติสุข" โพสต์เดือด "ยุบสภาไปเลยก็ดี" คนไทยได้เห็นธาตุแท้ฝ่ายค้านบางพรรค สนใจแค่แก้รธน.ไม่ห่วงความเป็นตายชาติ
ภูเก็ตประชุมกองทุนยุติธรรมช่วยประชาชน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​