“เดชา” ยันคำพิพากษาปิดฉากรื้อคดี “แตงโม” ส่วนแม่สู้ต่อชั้นอุทธรณ์

"เดชา" ยันคำพิพากษาปิดฉากรื้อคดี "แตงโม" ส่วนแม่สู้ต่อชั้นอุทธรณ์

วันที่ 27 พ.ค.2568  เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ได้กล่าวถึงกรณีที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เลื่อนประชุม ครั้งที่ 3/2568 เกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม นักแสดงชื่อดังที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยาจนเสียชีวิต เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.65 โดยมีปรเด็นต้องสงสัยว่า มีกลุ่มบุคคลส่วนต่างๆ ร่วมกันบิดเบือน กระบวนการยุติธรรมทางอาญาโดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้การช่วยเหลือแก่บุคคลอื่นให้ไม่ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง

ว่าโดยหลักแล้วหากหน่วยงานราชการ จะแจ้งเรื่องแถลงข่าวจะต้องมีการนัดหมายล่วงหน้า ดังนั้น การยกเลิกการแถลงข่าวฉุกเฉินโดยอ้างว่าติดภารกิจนั้นฟังแล้วไม่น่าเชื่อถือ แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาทำให้ไม่สามารถประชุมได้ โดยเท่าที่ตนสอบถามไปยังส่วนราชการต่างๆคิดว่าไม่สามารถดำเนินคดีต่อไปได้

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ซึ่งตนทราบมาว่าในการสืบสวนคดีนี้ดีเอสไอเองก็ไม่ได้มีความเห็นเป็นเอกภาพ และหากสังเกตดีๆจะพบว่า อธิบดีดีเอสไอหรือโฆษกดีเอสไอก็ไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ แม้จะเป็นคดีสำคัญที่เป็นข่าวมา 3-4 เดือนก็ตาม ตนจึงอยากตั้งคำถามในฐานะที่ทำงานกับส่วนราชการโดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ได้รับมอบหมายจากอธิบดีให้แถลงข่าวหรือไม่

ทั้งนี้ สำหรับคดีดังกล่าวเท่าที่ตนทราบ คือ ไม่สามารถไปต่อได้แล้ว ในฐานะที่ตนเป็นทนายมา 39 ปี เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว ไม่มีหน่วยงานใดที่จะกล้านำคำพิพากษาศาลมาวิพากษ์วิจารณ์หรือวิเคราะห์ ส่วนที่ พ.ต.ต.ณฐพล บอกว่า คำพิพากษาของศาลเป็นคนละส่วน กับการที่ดีเอสไอ จะดำเนินการพิจารณากรณี กลุ่มบุคคลบิดเบือนพยานหลักฐานทางคดีหรือช่วยเหลือคนบนเรือหรือไม่ ทนายเดชาบอกว่า ตามหลักของกฎหมายอาญา เมื่อศาลจังหวัดนนทบุรีพิพากษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือ ไปแล้วเมื่อวันที่ 23 พ.ค.68 ก็เท่ากับการสืบสวนสอบสวนได้จบลงแล้ว เพราะเป็นเรื่องเดียวกัน การกระทำเดียวกัน ต้องได้รับการตัดสินหรือลงโทษครั้งเดียว เมื่อตัดสินแล้ว คือ จบ

 

 

ทั้งนี้ หากอ่านคำพิพากษาทุกหน้า (มีทั้งหมด 49 หน้า) จะมีการระบุว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกัน รวมทั้งการสืบสวนสอบสวนก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร แล้วจะใช้คดีนี้ไปดำเนินคดี(เล่นงาน)ตำรวจได้อย่างไร ส่วนคำว่ากลุ่มบุคคล ก็ตีความได้ว่า เป็นตำรวจภูธรภาค 1 ที่ทำคดีนี้ทั้งหมด ซึ่งมีจำนวนหลายคน เพราะกลุ่มที่ทำคดีก็มีแต่ตำรวจภูธรภาค 1 พร้อมตั้งคำถามว่า มีสาเหตุโกรธเคืองอะไรกันมาก่อนหรือไม่

 

ทนายเดชา ยังได้ฝากไปถึงชุดทำคดีนี้ด้วยว่า การทำคดีนี้มีความเสี่ยง ซึ่งหากตนจำไม่ผิดมีตำรวจภูธรภาค 1 ไปร้องกับอธิบดีดีเอสไอ แล้วหนึ่งนาย พร้อมบอกด้วยว่า ในคดีนี้ยังไม่สามารถใช้คำว่า “สอบสวน” ได้ เนื่องจากดีเอสไอยังไม่ได้รับเป็นคดีพิเศษ จึงต้องใช้คำว่าสืบสวน เพราะเป็นแค่ชั้น “สืบสวน” อีกทั้งการรับคดีก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ซึ่งต้องมีเสียง 2 ใน 3 และหากจะมีการรื้อฟื้นคดีใหม่ก็ต้องมีหลักฐานใหม่ที่สามารถเปลี่ยนผลคำพิพากษาได้ ซึ่งหากมีหลักฐานใหม่ เหตุใดต้องรอผลคำพิพากษาของศาลจังหวัดนนทบุรี ดังนั้นจึงไม่ควรทำคดีต่อไป เพราะในการสืบสวนต้องใช้ภาษีประชาชน หากทำทั้งที่รู้อยู่แล้วว่ามีความเสี่ยง หมายความว่ามีเหตุที่ไม่พอใจสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'สุสานหิน' ยุคราชวงศ์ฮั่น โบราณสถานล้ำค่าในซานตง
วธ. รับมอบพระพุทธรูปปางบำเพ็ญทุกรกิริยาจำลอง จากรัฐบาลสาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน
วธ. เดินหน้าจัดตั้ง-รับรองวัดคาทอลิกแห่งใหม่ หนุนศาสนสถานเข้าระบบอย่างถูกต้อง โปร่งใส
วธ.ลุยอีสาน! "ศิลปินสร้างศิลปิน" ขยายผลภูมิปัญญาศิลปินสู่การพัฒนาอาชีพ ระดับภูมิภาค 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า พร้อมโชว์ “สานศิลป์ถิ่นอีสาน” ถ่ายทอดศิลป์สู่อาชีพ
ร้องสื่อฯ ที่ดิน รังวัดแนวเขตที่ดิน เนื้อที่ไม่ครบตามคำสั่งศาล จาก 9 ไร่ เหลือ 8 ไร่ 2 งาน
"กฟภ." ยันไม่ได้ขายไฟฟ้าให้กัมพูชาแล้ว 9 จุด ย้ำพร้อมดำเนินการตามสมช.ถ้าเขมรไม่จำเป็นซื้อไฟฟ้าไทย พร้อมยกเลิกสัญญา

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​