S&P Global บริษัทชั้นนำระดับโลกด้านการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และการประเมินความยั่งยืน ได้จัดงาน “S&P Global Sustainability Yearbook Distinction Ceremony” ณ โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค กรุงเทพมหานคร เพื่อมอบรางวัลแสดงความยินดีแก่บริษัทไทยที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในรายงาน The Sustainability Yearbook 2025 ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดด้านความยั่งยืนระดับโลก โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่ม Top 5% ของโลกในประเภทกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial Conglomerates) ด้วยคะแนนรวมด้านความยั่งยืน 83 คะแนน โดยมีจุดแข็งเด่นชัดในมิติด้านสังคม (Social Dimension) และได้รับคะแนนสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม (Industrial Conglomerates) ใน 9 หัวข้อสำคัญ อาทิ การประเมินประเด็นด้านความยั่งยืน จริยธรรมทางธุรกิจ การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน กลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และสิทธิมนุษยชน เป็นต้น ในโอกาสนี้ ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เป็นผู้แทนเครือเจริญโภคภัณฑ์เข้ารับมอบโล่และเกียรติบัตรจากนายโรเบิร์ต ดอร์เนา Head of CSA Corporate Engagement S&P Global
นางลอเรน สมาร์ท ประธาน S&P Global Sustainable 1 กล่าวว่า ความยั่งยืนไม่ใช่แค่เป้าหมายอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นแกนหลักของกลยุทธ์องค์กร การประเมินของ S&P Global ไม่เพียงสะท้อนประสิทธิภาพการจัดการด้าน ESG เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงศักยภาพขององค์กรในการเผชิญความท้าทายระดับโลก ทั้งนี้รู้สึกยินดีที่ได้เห็นบริษัทจากประเทศไทยมีบทบาทอย่างโดดเด่นในเรื่องความยั่งยืน
นอกจากนี้ ประธาน S&P Global Sustainable 1 ยังกล่าวเสริมถึงความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในบริบท ESG ว่า ปัจจัยต่าง ๆ เช่น คลื่นความร้อน น้ำท่วม และภัยแล้ง กำลังกลายเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและผู้มีส่วนได้เสีย โดยหากไม่มีการปรับตัว บริษัทขนาดใหญ่ในดัชนี S&P Global 1200 แห่ง อาจเผชิญต้นทุนความเสียหายรวมสูงถึง 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ภายในทศวรรษ 2050
ทางด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า เครือซีพีได้รับการจัดอันดับความยั่งยืนจาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ในรายงาน The Sustainability Yearbook สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบในทุกมิติ รวมถึงความมุ่งมั่นในการเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนใน 3 เป้าหมายหลัก คือ 1. ตั้งเป้าหมายนำองค์กรสู่ Carbon Neutral ( Scope 1 และ 2) ในปี 2030 เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050 2. ของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบเป็นศูนย์ ภายในปี 2030 (Zero Waste to Landfill) และ 3. สนับสนุนผู้คน 50 ล้านคนให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ ภายในปี 2030
ด้าน ดร.ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ ประธานคณะผู้บริหาร ด้านความยั่งยืนองค์กรและการพัฒนากลยุทธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ผู้แทนเครือซีพี กล่าวภายหลังจากที่ขึ้นรับโล่และเกียรติบัตรจาก S&P Global กล่าวเพิ่มเติมว่า การประเมินของ S&P Global ปีนี้มีบริษัทกว่า 7,690 แห่งทั่วโลกเข้าร่วม โดยมีเพียง 780 บริษัทเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือกเข้าสู่รายงาน The Sustainability Yearbook 2025
การที่เครือซีพีได้รับการยอมรับในครั้งนี้ จึงถือเป็นทั้งเกียรติและแรงบันดาลใจที่ตอกย้ำว่าเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องในการก้าวสู่การเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างมั่นคงและสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่สังคมและโลก พร้อมย้ำด้วยว่าภายใต้การขับเคลื่อนของนายศุภชัย เจียรวนนท์ เครือซีพีให้ความยั่งยืนเป็นหลักในการตัดสินใจขององค์กรทุกระดับ เชื่อมั่นว่า “การเติบโตทางธุรกิจต้องควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล”
ในปีนี้ยังมีบริษัทในเครือซีพีอีกหลายแห่งที่ได้รับการยกย่องจาก S&P Global และเข้ารับโล่รางวัล ได้แก่ ทรู คอร์ปอเรชั่น: Top 1% กลุ่ม Telecommunication Services เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF): Top 1% กลุ่ม Food Products ซีพี ออลล์: Top 5% กลุ่ม Food & Staples Retailing ซีพี แอ็กซ์ตร้า: Top 10% และได้รับการยกย่องเป็น Industry Mover ในกลุ่มเดียวกัน
การประเมินความยั่งยืนของ S&P Global ถือเป็นหนึ่งในดัชนีชี้วัดมาตรฐานระดับสากล ที่องค์กรทั่วโลกใช้เพื่อประเมินประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้าน ESG อย่างครอบคลุม โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
