เดอะ นิวยอร์ก ไทม์ส รายงานว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บอกกับนักข่าวในห้องรูปไข่เมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 19 พค.) ว่าเขารู้สึกแปลกใจว่าทำไมเรื่องที่ไบเดนถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากชนิดร้ายแรงจึงไม่ถูกเปิดเผยสู่สาธารณะตั้งนานแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทรัมป์เชื่อว่าไบเดนรู้เรื่องนี้มานานแล้ว แต่มีการปกปิด
ทรัมป์บอกกับนักข่าวว่าเรื่องนี้ควรจะต้องมีคนไปสอบถามแพทย์ผู้รักษาไบเดน และว่าการที่มะเร็งลุกลามถึงระยะ 9 แปลว่าไบเดนจะต้องป่วยมานานแล้ว น่าจะนานหลายปี ซึ่งแม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจกับข่าวนี้แต่ชาวอเมริกันควรต้องสืบหาความจริงว่าทำไมเรื่องนี้เพิ่งมาเปิดเผย
ทั้งนี้สำนักงานของไบเดนออกมาแถลงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 พค.) ว่าแพทย์ที่โรงพยาบาลฟิลาเดลเฟียได้ออกมาวินิจฉัยเมื่อวันศุกร์ ( 16 พค.) ว่าไบเดนป่วยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย โดยล่าสุดลุกลามถึงกระดูกแล้ว หลังจากไบเดนเข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมจากอาการผิดปกติระหว่างขับถ่ายปัสสาวะ ซึ่งแพทย์ได้พบตรวจพบเนื้อร้ายในต่อมลูกหมาก ทั้งนี้แพทย์อธิบายว่ามะเร็งของไบเด่นเป็นมะเร็งระยะที่ 4 หรือระยะสุดท้ายคือลุกลามไปยังอวัยวะอื่นๆ และมีกลีซัน สกอร์ (Gleason Score) ที่ 9 โดยกลีซัน สกอร์คือคะแนนการวัดความรุนแรงของมะเร็งต่อมลูกหมาก ไม่ใช่ระยะการลุกลามของมะเร็ง มีคะแนนจาก 1-10 ไล่จากรุนแรงน้อยไปรุนแรงมาก ทั้งนี้คาดว่าทรัมป์น่าจะสับสนระหว่างระยะการลุกลาม (1-4) กับกลีสัน สกอร์หรือคะแนนความรุนแรงของมะเร็ง
รายงานเผยว่าทรัมป์น่าจะโยงอาการป่วยของไบเดนเข้ากับรายงานก่อนหน้านี้ที่สงสัยกันว่าผู้ช่วยไบเดนอาจปกปิดอาการป่วยและความเสื่อมถอยทางร่ายกายและสมองตั้งแต่ที่ไบเดนอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดี ล่าสุดโฆษกไบเดนยังไม่ออกมาตอบโต้ข้อสงสัยของทรัมป์
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้องอก และระบบต่อมลูกหมากหลายคนที่สหรัฐ ชี้ว่าไบเดนน่าจะเป็นมะเร็งมาหลายปีแล้ว อาจเป็นตั้งแต่ก่อนเป็นประธานาธิบดีแต่ไม่รู้ตัว เนื่องจากที่สหรัฐ แพทย์ไม่แนะนำให้ผู้ชายที่อายุเกิน 70 ปีตรวจมะเร็งต่อมลูกหมาก เพราะหากวินิจฉัยผิดจะทำให้เกิดความเครียดและต้องมาตรวจหลายรอบ และการรักษาจะยิ่งทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี นอกจากนี้ผู้ป่วยจำนวนมากมักไม่มีอาการ มารู้ว่าเป็นก็ตอนที่แพทย์พบก้อนมะเร็งแล้ว การวินิจฉัยมะเร็งของไบเดนจึงไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด
และเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 19 พค.) ไบเดนวัย 82 ปี ก็ออกมาขอบคุณผู้ให้กำลังใจ และว่ามะเร็งสามารถเกิดได้กับทุกคน และว่าตัวเขาและจิล ไบเดนมีกำลังใจที่แข็งแกร่งท่ามกลางสถานการณ์ที่เลวร้าย