นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวกรณีที่มีกลุ่มการเมืองนำเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 มาเชื่อมโยงเพื่อหวังผลการเมือง และโจมตีสถาบันว่า สิ่งเหล่านี้เป็นกิจกรรมของคนการเมือง แม้ตอนนี้จะไม่มีเหตุการณ์เรียกร้องขับไล่รัฐบาล แต่ก็หยิบยกเหตุการณ์นี้ขึ้นมาทุกปี เป็นธรรมดาของการเมืองที่ให้ความสำคัญกับเดือนต.ค. ที่มีข้อเรียกร้องทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ตนขออย่าทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือทำร้ายกัน อย่าให้เกิดความรุนแรงขึ้น ซึ่งก็เชื่อว่าคงไม่มีอะไร เป็นเพียงการแสดงเชิงสัญลักษณ์ในวันครบรอบ ไม่น่าจะนำไปสู่ความรุนแรงอะไร เพราะที่ผ่านมาก็เห็นว่ามีเพียงเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้มีกำลังอะไรมากมายในการสร้างปัญหาจนอยู่กันไม่ได้ มันยังไปไม่ถึงขนาดนั้น และดูแล้วก็ได้แค่นี้ เรียกร้องกันไปแค่นี้
เมื่อถามว่านายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า รวมถึงส.ส.พรรคก้าวไกล ที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนในการปฏิรูปสถาบันออกมาร่วมทำกิจกรรมด้วยนั้น มีความเป็นห่วงหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ถามว่าเป็นห่วงไหม ตนก็เป็นห่วงในเรื่องของการแสดงออกทางการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์ เป็นเรื่องการสร้างความแตกแยก พรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้นมาต้องมีเป้าหมายชัดเจนในเรื่องการเป็นตัวแทนของประชาชน และสร้างความผาสุขให้กับประชาชน แต่จะให้พรรคการเมืองเติบโตได้ต้องมีคะแนนเสียงสนับสนุนจากประชาชน เพียงแต่ว่ากลุ่มคนพวกนี้หาเสียงบนพื้นฐานของการได้คะแนนให้ได้มากที่สุด โดยไม่คำนึงถึงสังคมว่าจะแตกแยกหรือไม่ วัฒนธรรมทางการเมืองที่ช่วยกันสร้างควรเดินไปในรูปแบบที่เหมาะสมอย่างไร เพราะการเมืองที่ใช้เสียงข้างมากมาตัดสินปัญหาของบ้านเมือง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องแข่งขันกันด้วยประโยชน์ของประชาชนและประเทศเป็นสำคัญ ดูว่าประชาชนให้ความเชื่อถือศรัทธาใครในการกำหนดนโยบายและทิศทางการบริหารประเทศ สร้างความเจริญงอกงามและความรุ่งเรืองให้กับประชาชนมีความผาสุขอย่างไร การเมืองควรเดินรูปแบบนี้ แต่ที่ทำมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างมวลชนที่สร้างความเกลียดชังและความแตกแยก ทำร้ายประเทศ ทำร้ายสถาบัน ไม่ใช่การเมืองสร้างสรรค์ ทำให้เป็นปัญหาทางการเมืองที่จะสร้างคนใหม่ ๆ ขึ้นมาที่จะมีแต่ความแตกแยกต่อไปข้างหน้า ทำให้นักการเมืองของเราขาดความรับผิดชอบ
เมื่อถามว่า เราจะกระตุกต่อมความรับผิดชอบของนักการเมืองเหล่านี้ได้อย่างไร นายเสรี กล่าวว่า มันพูดยาก ถ้ายังอยู่ในเป้าหมายที่จะต้องชนะด้วยคะแนนเสียงอย่างเดียว โดยเอาประชาชนเป็นตัวประกัน มันก็ยาก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจิตสำนึกและความรับผิดชอบของแต่ละคนและแต่ละกลุ่ม คงจะมีในมวลหมู่ของกลุ่มคนที่ต้องสร้างจุดเด่นและน่าสนใจ เพียงแต่กลุ่มนี้เขาเลือกไปในแนวทางนี้ ปรากฎว่ามีคนสนใจ ส่วนใหญ่เป็นฮาร์ดคอการเมือง หรือมีความเห็นทิศทางเดียวกันมารวมตัวกันได้คะแนนเป็นกลุ่มก้อนพอสมควร ทำให้เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีหลายรูปแบบ ดังนั้นประชาชนก็ต้องเรียนรู้และตัดสินใจว่าต้องการรูปแบบไหน และคนกลุ่มนั้นก็จะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่คนชอบความสงบร่มเย็น แต่ก็ยังมีอีกกลุ่มที่ให้คะแนนจากความสะใจ แต่เชื่อว่าไม่ใช่ส่วนใหญ่ของประเทศแน่นอน
เมื่อถามว่า มองว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบต่าง ๆ ตอนนี้จะจบอย่างไร นายเสรี กล่าวว่า อยู่ที่นโยบายของรัฐบาลหากต้องการให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็ต้องบังคับใช้กฎหมายตามหลักทั่วไป