ย้อนรอย 21 ปี ไฟใต้ กับ “9 นายกฯ” อะไรคือจุดเริ่มต้นและจุดจบของปัญหา

21 ปีไฟใต้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์กว่า 5 พันราย เผยผ่านการแก้ปัญหามาแล้ว 9 นายกฯ ย้อนรอยเหตุการณ์สำคัญอะไรคือจุดเริ่มต้น และจุดจบของปัญหา

ย้อนรอย 21 ปี ไฟใต้ กับ “9 นายกฯ” อะไรคือจุดเริ่มต้นและจุดจบของปัญหา

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ปัญหาความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปะทุรุนแรงขึ้นอีกครั้ง โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา พบว่า ผู้ก่อความไม่สงบมีพฤติกรรมก่อเหตุอย่างไร้มนุษยธรรมด้วยการเข่นฆ่าเจ้าหน้าที่ และประชาชน แม้กระทั่งสามเณร หญิงชราตาบอด เด็กหญิงวัย 9 ขวบก็ไม่เว้น โดยปัจจุบันรัฐบาลยังไม่มีทิศทางที่จะแก้ปัญหาไฟใต้ให้ทุเลาลงได้

 

เหตุรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นอย่างนาวนานกว่า 21 ปี โดยที่ผ่านมีผู้นำประเทศพยายามจะดับไฟใต้มาแล้ว 9 คน เริ่มจาก นายทักษิณ ชินวัตร, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายสมัคร สุนทรเวช, นายสมชาย วงษ์สวัสดิ์, นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา, นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน

 

จุดเริ่มแรกของไฟใต้เหมือนว่า นายทักษิณ จะถูกจับโยงว่า เป็นต้นเหตุ โดยเฉพาะการกล่าววรรคทอง “โจรกระจอก” ที่ทำหลายฝ่ายตั้งคำถามว่า คำพูดนี้คือการกระพือไฟใต้ให้ลุกโชนมาถึงปัจจุบันหรือไม่ ประกอบนโยบายทางการเมืองในช่วงปี 2544 -2546 ของนายทักษิณเต็มไปด้วยความแข็งกร้าว โดยเฉพาะนโยบายฆ่าตัดตอน อุ้มฆ่า รวมถึงการยุบหน่วยงานกองบัญชาการส่วนผสมพลเรือน ตำรวจ ทหารที่ 43 (ภตท.43) ที่เปรียบเสมือนการเข้าไปทำลายโครงสร้างการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีมาอย่างยาวนานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้สถานการณ์ใต้เริ่มครุกรุ่น โดยเฉพาะเหตุการณ์ปล้นปืน 3 ครั้งที่จ.ยะลา และนราธิวาสในช่วงปี 2545-2546

 

 

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปฐมบทเหตุการณ์ไฟใต้ลุกฮือ ส่งผลไปสู่ความรุนแรงตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 โดยเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส ทำให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย ผู้ก่อหตุได้อาวุธปืนไปกว่า 413 กระบอก ทำให้รัฐบาลเสียหน้าอย่างมาก โดยนายทักษิณ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก ตำหนิทหารด้วยพูดที่รุนแรงว่า “ถ้าคุณมีกองทหารทั้งกองพันอยู่ที่นั้น แต่คุณก็ยังไม่ระวังตัว ถ้าอย่างนั้นก็สมควรตาย”

 

 

 

จากนั้นเหตุการณ์ไฟได้รุนแรงขึ้นมาเรื่อย ๆ โดยวันที่ 28 เมษายน 2547 เกิดเหตุความก่อความไม่สงบที่มัสยิดกรือเซะมีผู้เสียชีวิต 34 ศพ และมารุนแรงถึงขีดสุดในวันที่ 25 ตุลาคม จากหตุการณ์ที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส กรณีประชาชนชุมนุมเรียกร้องให้ปล่อยตัวชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านจำนวน 6 คน บริเวณสถานีตำรวจภูธรตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นนำไปสู่การสูญเสียครั้งใหญ่มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 87 ราย เนื่องจากขาดอากาศระหว่างการขนย้ายด้วยรถบรรทุกทหารที่อัดแน่นไปด้วยประชาชนกว่า 1,300 คน

 

จากนั้นตลอดทั้งปีสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ต่อมาในวันที่ 5 ธันวาคม 2547 รัฐบาลได้โปรยนกกระดาษกว่า 60 ล้านตัว ตามโครงการ “60 ล้านใจ สานสายใยพี่น้องใต้ ด้วยดอกไม้และนกกระดาษ” แต่ปรากฎว่าผู้ก่อความไม่สงบได้แจกใบปลิวในจังหวัดปัตตานีและพื้นที่ใกล้เคียง พร้อมขู่ฆ่าประชาชนที่เก็บนกกระดาษ และนั่นคือภาพจำการเริ่มต้นเหตุการณ์ไฟใต้ที่ทีมาอย่างยาวนาน

 

ต่อมาในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นผู้บริหารประเทศ นายทักษิณ เล่นใหญ่ด้วยการเชิญตัวแทนระดับแกนนำความเห็นต่าง 14 คนมาเจรจาพูดคุยที่มาเลเซีย ก่อนจะมีการตั้งคณะพูดคุยสันติสุขเป็นครั้งแรกโดยมี พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นหัวหน้าคณะเจรจา จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปมาเลเซียเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2556 โดยมาเลเซียรับหน้าเสื่อทำหน้าที่ในฐานะคนกลาง เพื่อประสานการพูดคุยระหว่างทางการไทย และกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งภายหลังมีข้อทักท้วงจากฝ่ายความมั่นคงว่า ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนถึงการลงนามในข้อตกลงต่าง ๆ เพราะอาจทำให้ไทยถูกมองว่า ยอมรับและยกชั้นให้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ซึ่งจะทำให้ดูเป็นเรื่องที่รุนแรงในสายตาขององค์กรระดับโลก ทำให้การเดินทางครั้งนั้นไม่มีการลงนามความร่วมมือดังกล่าว

 

 

อีก 10 ปีต่อมา ผ่านรัฐบาลของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทั่งมาถึงรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ดูเหมือนจะทุเลาลง ก่อนจะต่อเนื่องมาถึงรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่นายทักษิณ เริ่มเข้ามามีบทบาทชักนำรัฐบาลของลูกสาว แม้ช่วงนั้นเหตุการณ์รุนแรงภาคใต้ยังเกิดขึ้นประปราย จากนั้นในวันที่ 16 ธันวาคม 2657 นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ประกาศแต่งตั้งนายทักษิณ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวประธานอาเซียน ก่อนที่นายทักษิณเดินทางไปพบผู้นำมาเลเซียในวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ ซึ่งการพุดคุยในครั้งนั้นนายอันวาร์ ระบุว่า ได้พุดคุยกับนายทักษิณหลายเรื่องรวมถึงปัญหาภาคใต้ด้วย

 

อย่างไรก็ตามถัดมาเพียงไม่กี่สิบวันนายทักษิณ และคณะมีกำหนดการจะเดินทางไปที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งก่อนที่เครื่องบินคณะนายทักษิณจะแลนดิ้งที่สนามบินจังหวัดนราธิวาสเพียง 50 นาที ปรากฎว่า คนร้ายกดระเบิดแสวงเครื่องภายในรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็ก ทะเบียน บฉ 6955 นราธิวาส สีบรอนซ์เงิน ที่จอดในพื้นที่ท่าอากาศยานนราธิวาส นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ความไม่สงบอีก 2 จุด ที่อ.บันนังสตา จ..ยะลา ชาวบ้านตาย 1 ราย กำลังพลเจ็บ 7 นาย ส่วนอีกจุดที่อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาสมีเหตุการณ์ขว้างประทัดยักษ์ไม่มีผู้บาดเจ็บ

 

อย่างไรก็ตามในวันเดียวกันนายทักษิณ ได้กล่าวขอโทษต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ในการสลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เมื่อปี 2547 ว่า “ตอนเป็นนายกรัฐมนตรี มีความตั้งใจและห่วงใยประชาชน 100% แต่การทำงานก็มีผิดพลาดได้บ้าง ถ้ามีอะไรผิดพลาด ที่ไม่พอใจ ก็ขออภัยด้วย ให้ช่วยกันเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งคนมุสลิมจะมีสิ่งที่สำคัญมาก คือ ความเข้าใจเกรงใจเเละการให้อภัย ผมก็ขออภัยด้วย”

 

คำขอโทษของนายทักษิณ ทำให้หลายฝ่ายคาดหมายว่า ไฟใต้จะทุเลาลง แต่ปรากฎว่าในช่วงเดือนรอมฎอนมาจนถึงวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 เหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบด้วยการฆ่าสามเณร หญิงชราตาบอด เด็กหญิงวัย 9 ขวบ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอส. อย่างไร้มนุษยธรรม และนั่นคือการกลับมาของความรุนแรงในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง

 

 

เหตุการณ์ไฟใต้ตอลด 21 ปี ได้คร่าชีวิตพี่น้องประชาชนไปมากมาย โดยเฉพาะชาวไทยพุทธ ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (ผู้ช่วยรัฐมนตรีของ รองนายกฯภูมิธรรม เวชยชัย) เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่พบปะกับพี่น้องประชาชน ใน 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะชุมชนชาวพุทธ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ว่า ประชากรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตัวเลขกลม ๆ อยู่ที่ 1.7 ล้านคน โดยช่วงก่อนเกิดสถานการณ์ความไม่สงบเคยมีพี่น้องคนพุทธอยู่ประมาณ 3 แสนคน แต่ขณะนี้เหลือไม่ถึง 5 หมื่นคน และไม่ใช่แค่ชุมชนคนพุทธที่ลดน้อยลง แต่ยังมีวัดร้างอีกเป็นจำนวนมาก

 

จากข้อมูลศูนย์ข่าวอิศราภาคใต้ระบุว่า ตลอด 21 ปี ไปจนถึงวันที่ 3 มกราคม 2568 มีผู้เสียชีวิตจากไฟใต้ 5,936 ราย แยกเป็นประชาชน 3,644 ราย และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อส. ฝ่ายปกครอง 2,292 ราย

 

 


ส่วนผู้บาดเจ็บจากไฟใต้ 13,129 ราย แยกเป็นประชาชน 6,442 ราย เจ้าหน้าที่รัฐ 6,687 ราย ในจำนวนนี้มีผู้ที่ต้องกลายเป็นคนพิการ ทุพพลภาพ มากถึง 903 ราย แยกเป็นประชาชน 465 ราย และเจ้าหน้าที่ 438 ราย ขณะที่ความรุนแรงรูปแบบต่างๆ เกิดขึ้น 9,948 ครั้ง มีผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ รวมทั้งสิ้น (ทั้งบาดเจ็บ เสียชีวิต ทุพพลภาพ) 19,968 ราย และที่ผ่านมารัฐบาลเยียวยาเหยื่อไฟใต้ไปแล้ว 4,468.8 ล้านบาท

 

ขณะที่งบประมาณดับไฟใต้ 22 ปีงบประมาณ นับตั้งแต่ปี 2547 – 2568 ซึ่งงบปี 68 ผ่านสภาไปแล้ว มีการใช้จ่ายงบดับไฟใต้ไปทั้งสิ้น 510,365 ล้านบาท โดยปีงบประมาณที่ใช้งบดับไฟใต้มากที่สุด คือ ปี 2559 จำนวน 30,512.80 ล้านบาท เป็นรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยแรก หรือ “รัฐบาล คสช.” ซึ่งคาดหมายกันว่าไฟใต้น่าจะดับมอดลงได้ เนื่องจากแกนนำรัฐบาลล้วนเป็นนายทหารที่เชี่ยวชาญสมรภูมิ 3 จังหวัดชายแดนใต้

 

มาจนถึงวันนี้ ภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายรัฐมนตรี การกระพือไฟใต้ที่ยังไม่รู้จะมีจุดที่ลงตัวนำไปสู่ความสงบที่แท้จริงได้หรือไม่ ?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อีสท์ วอเตอร์ โชว์ผลประกอบการ Q1/68 พร้อมแจ้งเปลี่ยนกรรมการ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจน้ำสู่ความยั่งยืน
"ผอ.สปภ.กทม." พบอุปสรรคโซน B ตึกสตง.ถล่ม "พื้นที่จำกัด-เสาทรุดตัว" ยัน 10 พ.ค.นี้ ส่งคืนพื้นที่ทัน
ปปส.ภาค 2 ปลุกพลังนิคมอุตสาหกรรมต้านภัยยาเสพติด
"หมอธีระ" เตือน โควิด-19 ยังน่าห่วง ยอดผู้ป่วยพุ่ง 8 พันราย ชี้ระบาดหนักกว่าไข้หวัดใหญ่ 2 เท่า
“อีสท์ วอเตอร์ โชว์ผลประกอบการ Q1/68 พร้อมแจ้งเปลี่ยนกรรมการ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจน้ำสู่ความยั่งยืน”
“แบล็คร็อค” บริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อมั่นไทย หารือนายกฯ เตรียมร่วม “ซีพี-True IDC” ลงทุนเสริมแกร่ง โครงสร้างพื้นฐานไทยสู่ฮับ “กิกะดาต้าเซ็นเตอร์” ระดับภูมิภาค
"สป.สายไหม" พบ.ตร.ไซเบอร์ รับทราบข้อหา ยืนยันไม่ได้โปรโมทเว็บพนัน
“โจรใต้” หมาลอบกัด! กดชนวนบึ้มรถ “ทหารช่าง” พระคุ้มครองรอดทั้ง 21 นาย
"ภูมิธรรม​" โชว์ผลงาน 3 เดือน ​มาตรการ 3​ ตัด​ ปราบแก๊งคอลฯ ประสบความสำเร็จ
"พิชัย" สั่งการพณ.เร่งเคลื่อนนโยบายส่งเสริม ผลักดันสินค้าไทย รุก 7 มาตรการ ระบายสู่ตลาดใน-นอกประเทศ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น