“คนเดือนตุลา” รับไม่ได้ ประวัติศาสตร์ถูกไฮแจ็ค! สุดเอือมระอา ม็อบนักศึกษาล้มสถาบัน

กลายเป็นเรื่องราวของ October for Tony ไปแล้ว เมื่อสาวกคนเสื้อแดง และพวก 3 กีบ ขยันบิดเบือนประวัติศาสตร์ ได้ออกมาโหนเหตุการณ์ปราบปรามนักศึกษาในเดือนตุลาคม เมื่อปี 2519 ขณะที่เจ้าตัวที่เคยเคลื่อนไหวอยู่ในเหตุการณ์เมื่อ 45 ปี ก่อน ถึงกับแสดงความเบื่อหน่าย พร้อมเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ การเคลื่อนไหวของนักศึกษาสมัยก่อน กับสมัยนี้ “ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง”

หนึ่งในเหตุการณ์ทางการเมืองในประวัติศาสตร์ที่ครุกรุ่นรุนแรงจนคนรุ่นหลังหยิบยกขึ้นมาพูดถึงและถ่ายทอดต่อๆกันซ้ำๆ ก็คือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนตุลาคม 2519 ข้อมูลที่ถูกจารึกไว้ ว่าด้วยเรื่อง การปราบปรามนักศึกษาอย่างรุนแรง บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และท้องสนามหลวง ถือเป็นการปิดฉากการประท้วง การเดินขบวนและการยึดพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ของนักศึกษา ซึ่งผู้ประท้วง มุ่งหวังต่อต้านการเดินทางกลับประเทศของ จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกรัฐมนตรี ….โดยในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 ตำรวจ ใช้อาวุธสงครามปราบปรามการประท้วง ตามด้วยกลุ่มฝ่ายขวาที่ลงประชาทัณฑ์ในลักษณะร่วมมือกับตำรวจ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ

 

 

45 ปี ผ่านไป จากวันนั้นจนถึงวันนี้ มีนักการเมือง และกลุ่มคนผู้สนใจประวัติศาสตร์การเมืองบางกลุ่ม นำเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นมาขยายความใหม่ซ้ำๆ …และในห้วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมา กลุ่มคนเสื้อแดง ที่มีความจงรักภักดี ต่อ “นายทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้นำเหตุการณ์ความสูญเสียเมื่อหลายสิบปีก่อน มาผูกโยงกับเหตุการณ์เคลื่อนไหวทางการเมืองของตัวเองอย่างต่อเนื่อง

ยาวมากระทั่งเดือนตุลาคม 2564 ซึ่งนอกจากจะมีแกนนำเสื้อแดงหน้าเดิมๆ คอยนำข้อมูลเก่าๆออกมาปลุกระดมมวลชนลงถนนก่อม็อบแล้ว ยังมีกลุ่มนักกิจกรรม และนักการเมืองที่คอยชักใยนักศึกษา มุ่งหมายเพื่อล้มพระมหากษัตริย์ โดยการโหนกระแสเรื่องราวในประวัติศาสตร์ ผูกโยงเข้ากับการเมืองในปัจจุบัน ทั้งที่ไร้ซึ่งความเกี่ยวพันโดยสิ้นเชิง

 

 

ต่อเรื่องดังกล่าว “นายบุญส่ง ชเลธร”รองคณบดีฝ่ายกิจการพิเศษ สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต หนึ่งในหนักศึกษาที่เคยเคลื่อนไหวทางการเมือง และมีบทบาทสำคัญมาก ในช่วงปี พ.ศ. 2513-พ.ศ. 2516 ในระหว่างเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ในช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ซึ่งไม่นาน “นายบุญส่ง” ถูกจับพร้อมกับบุคคลอื่นอีก 12 คน รวมเป็น 13 คน ซึ่งเรียกกันว่า “13 ขบถรัฐธรรมนูญ” ในข้อหาคอมมิวนิสต์และปลุกปั่นการต่อต้านรัฐบาล เนื่องจากการเดินแจกใบปลิวตามสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร เช่น ประตูน้ำ, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สยามสแควร์ ยังความไม่พอใจแก่กลุ่มนักศึกษาและประชาชนโดยมากได้ จนกลายมาเป็นเหตุการณ์จลาจลในที่สุด

หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 “นายบุญส่ง”ได้หลบหนีเข้าป่าเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อออกจากป่าแล้ว ได้ไปใช้ชีวิตอยู่ยังกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน โดยประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษาไทย-สวีเดน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2529

นายบุญส่ง ชเลธร”ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว ท็อปนิวส์ ว่า “ผมบอกตรงๆว่าเบื่อที่จะพูดถึงเหตุการณ์เดือนตุลาคม 2519 แล้ว เพราะประวัติศาสตร์ที่ผมได้ร่วมอยู่ด้วยในครั้งนั้น ปัจจุบันถูกไฮแจ็ค หรือ “ถูกยึด” ไปเป็นของบุคคลเพียงกลุ่มเดียว สังเกตมั้ยครับ คนที่พูดถึงเรื่อง 6 ตุลา – 14 ตุลา เป็นสาย October For Tony เสื้อแดงทั้งนั้นเลย เพราะพวกมันยึดประวัติศาสตร์ไปแล้ว แต่บุคคลที่มีส่วนร่วมในครั้งนั้นจริงๆไม่มีใครออกมาพูด ออกมาเคลื่อนไหวเลย”

 

 

“นายบุญส่ง ชเลธร”บอกด้วยว่า ถ้าหากถามว่า เรื่องที่กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาพูด ออกมาปลุกกระแส เรื่อง 6 ตุลาคม มันบิดเบือนหรือเปล่า มันก็ไม่บิดเบือนหรอก แต่มันเอียงไปข้างเดียวแล้ว และกลุ่มคนที่พูดก็รู้ไม่จริงทั้งหมด แล้วเอาเรื่องอื่นมาแทรก เมื่อได้ฟัง ได้เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิด จึงไม่อยากจะพูดแล้ว เพราะเค้าพยายามยึดประวัติศาสตร์ไปเป็นของตัวเอง ส่วนคนเดือนตุลาคม ที่อยู่ในเหตุการณ์จริงๆไม่มีสิทธิ์ได้พูดเลย

“ถ้าถามว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของนักศึกษาในสมัยก่อน กับปัจจุบันมันต่างกันอย่างไร? … อาจจะมีข้อเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงทางการเมืองเหมือนกัน แต่การกระทำต่างกันโดยสิ้นเชิง นักศึกษาสมัยก่อนเคลื่อนไหวด้วยความสงบ เอาการบ้านมานั่งทำกันในม็อบ ชุมนุมโดยไม่มีอาวุธ แต่ม็อบปัจจุบัน เถื่อนถ่อย มีอาวุธครบมือใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ และเหมารวมว่า การเรียกร้องในอดีต เหมือนกับการเรียกร้องของกลุ่มตัวเองในปัจจุบัน ซึ่งแท้จริงแล้วแตกต่างกันสิ้นเชิง”

“นายบุญส่ง ชเลธร”บอกด้วยว่า นักศึกษาที่เคลื่อนไหวในประวัติศาสตร์ เดือนตุลาคม ทุกคนล้วนแล้วมีความจงรักภักดี ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เทิดทูนไว้เหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีใครคิดแตะต้อง แต่เมื่อลองมองกลับมาในยุคสมัยนี้ ความหยาบกระด้างก้าวร้าว แล้วยังกล้าออกมาแก้ต่างให้ความรุนแรงหยาบคายที่เกิดขึ้น ทำให้หลายๆฝ่ายรู้สึกรับไม่ได้ แม้กระทั่งคนพวกเดียวกันเองกับเค้าถูกวันนี้ก็ขอถอยออกจากกระบวนการ

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ระยอง แห่หลวงพ่อองค์ดำอัญเชิญจากอินเดีย ประดิษฐานไว้วัดเขาโบสถ์ ให้ประชาชนกราบไหว้ขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล
สวธ. จัดประกวด Cosplay World Thailand 2025 หนุนคนรุ่นใหม่ แสดงพลัง Soft Power ผ่านศิลปะไทยประยุกต์ ต่อยอดสู่อาชีพในอนาคต
หลายหน่วยงาน เข้าช่วยเหลือ เด็กออทิสติก หลังแม่ผูกคอหนีปัญหาหนี้สิน ก่อนฟื้นคืนชีพต่อหน้าเจ้าหน้าที่
ด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เงียบเหงา คนกัมพูชาทำงานในไทยรอดูสถานการณ์หลังไทยผ่อนปรน
"กรมบังคับคดี" ร่วมงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ MONEY EXPO 2025 เดินหน้าจัดงานไกล่เกลี่ยหนี้ ช่วยประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเป็นธรรม
"นิพนธ์" สวนเดือดผู้บริหารปชป. ลั่นเลือดแท้รับได้มติพรรค แต่รับไม่ได้พวกใช้อำนาจสั่ง ขู่ไล่คน เพื่อบังคับยัดเยียด ยอมรับมติโจร
RBSO ร่วมกับ สวธ. จัดการแสดงคอนเสิร์ต Royal Concert “A Celebration of Thai Masters” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
"วิโรจน์" หยันสุด "พิชัย" บินเจรจาภาษีการค้าสหรัฐไร้ข้อสรุป หยันเหมือนมวยโดนจระเข้ฟาดหาง จะฟื้นตัวทันเดดไลน์หรือไม่
ปิดประตูตีมาร! หยุดอนุญาตธุรกิจรักษ์โลกจอมปลอม ปูพรม ฟาดรีไซเคิล EEC เถื่อน
ลือ ! เปิดชายแดนหาดเล็ก 7 หรือ 10 กรกฎาคมนี้

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น