“รองผอ.” คดีฮั้วประมูล เผย “3 วิศวกร” รับลงชื่อตรวจงานสร้างตึกสตง.จริง เร่งสอบลายมืออีก 7 ราย ยังปฏิเสธ

รองผอ. คดีฮั้วประมูล เผยเรียกสอบ พยานวิศวกร 40 ราย ปมลงชื่อในเอกสารควบคุมงานบริษัทร่วมค้า PKW วันที่ 2 เข้าให้ปากคำแล้ว 17 ราย โดย 3 ราย ใน 10 ราย ที่เข้าให้ปากคำวันนี้ ยอมรับลงลายเซ็นจริง ส่วนอีก 7 ราย ยังปฏิเสธไม่รู้เห็น ยืนยันไม่เคยเข้าไซด์งานก่อสร้าง เร่งส่งพิสูจน์ลายเซ็น เผยกลางเดือน พ.ค. เตรียมสอบปากคำ 6 บริษัทยื่นซองโครงการตึกสตง.

“รองผอ.” คดีฮั้วประมูล เผย “3 วิศวกร” รับลงชื่อตรวจงานสร้างตึกสตง.จริง เร่งสอบลายมืออีก 7 ราย ยังปฏิเสธ – Top News รายงาน

รองผอ.

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 นายศุภภางกูร พิชิตกุล รอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หนึ่งในคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยความคืบหน้า การเรียกสอบ 10 วิศวกร ที่ลงลายมือชื่อในเอกสารการคุมโครงการก่อสร้าง อาคารสตง. ที่พังถล่ม เป็นวันที่ 2 ว่า วันนี้มีวิศวกรเข้ามาให้ปากคำรวมทั้งหมด 10 คน โดยมี 3 คนที่ยอมรับว่าลายเซ็นที่ปรากฏ บนเอกสารควบคุมงานของกิจการร่วมค้า PKW เป็นลายเซ็นของตัวเองจริง โดยทั้ง 3 คนอ้างว่าไปควบคุมงานและปฏิบัติงานในไซต์งานจริง ซึ่งลายเซ็นของทั้งสามคนเป็นลักษณะการเซ็นรายงานประจำสัปดาห์

ส่วนจะมีการเซ็นทั้งหมดกี่ครั้งนั้น นายศุภภางกูร อธิบายว่า เจ้าหน้าที่ได้สุ่มตรวจรายงานประจำสัปดาห์ ต่อคนประมาณ 2 สัปดาห์ พบว่าทั้ง 3 คนมีลายเซ็นอยู่ในรายงานของทั้ง 2 สัปดาห์ที่สุ่มออกมา โดยผู้ที่มีลายเซ็น ยืนยันว่า จะต้องตรวจสอบก่อนเซ็นทุกครั้ง ถ้าระหว่างการก่อสร้างหากพบความผิดปกติ ก็จะมีการรายงานเป็นขั้นตอนตามลำดับชั้นไปถึงนายสมชาย ทรัพย์เย็น ซึ่งเป็นผู้จัดการโครงการ และหากเป็นปัญหาที่กระทบกับโครงสร้าง ผู้จัดการโครงการก็จะรายงานเป็นขั้นตอนไปถึงสตง. ซึ่งแต่ละคนมีหน้าที่ไม่เหมือนกัน อย่างบริษัท ว.และสหาย จะดูแลเรื่องของระบบ ส่วนเคพีดูแลเรื่องโครงสร้าง

“การก่อสร้างต้องรายงานเริ่มต้นจากผู้รับเหมาอยู่แล้ว คืออิตาเลียนไทย และไชน่า เรลเวย์ ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้า เพราะเขาดำเนินการก่อสร้าง เขาต้องพบว่า มีปัญหาในการก่อสร้างออกแบบหรือไม่อย่างไร“ นายศุภภางกูร กล่าว

นายศุภภางกูรย้ำว่า หากเป็นงานหลักๆด้านโครงสร้าง จะต้องรายงานตามขั้นตอนจนถึงผู้ออกแบบ แต่หากเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆในการก่อสร้าง สามารถพิจารณาแก้ไขปัญหาตามหน้างานได้เลย

ส่วนวิศวกรอีก 7 คน ที่ปฏิเสธไม่ใช่ลายเซ็นตัวเองนั้น เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่จะส่งลายเซ็นตัวอย่าง ที่ให้วิศวกรเซ็นต่อหน้าพนักงานสอบสวน โดยทำการปกปิดลายเซ็นตัวปัญหา ก่อนส่งไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อทำการตรวจสอบว่า เป็นลายเซ็นจริง หรือมีการปลอมแปลงหรือไม่ โดยพนักงานสอบสวนจะรวบรวมลายเซ็นให้ใกล้กับเวลาที่เกิดเหตุ เพื่อส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบ ซึ่งทั้ง 7 คนที่ปฏิเสธว่าไม่ใช่ลายเซ็นของตัวเอง เจอลายเซ็นดังกล่าวในรายงานประจำสัปดาห์เมื่อปี 2563 ซึ่งเป็นเอกสารประกอบการเบิกเงินกับ สตง. ส่วนจะเซ็นเหมือนกันหรือไม่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่เอกสารที่สุ่มนำมาตรวจลายเซ็นใกล้เคียงกัน มีแตกต่างกันบ้างเป็นปกติของการเซ็นชื่อ แต่การเปรียบเทียบจะต้องเปรียบเทียบกับเจ้าของลายเซ็นจริงว่าตรงกับลายเซ็นที่เป็นปัญหาหรือไม่

ส่วนทั้ง 7 คนเกี่ยวข้องอย่างไรกับบริษัท กิจการร่วมค้า PKW นั้น นายศุภภางกูร ระบุว่า ทั้ง 7 คนอยู่ในบริษัท ว.และสหาย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทของกิจการร่วมค้า PKW และมีตำแหน่งเป็นวิศวกรที่ทำงานระบบของบริษัท ว.และสหาย ซึ่งข้อเท็จจริงคือมีการนำชื่อวิศวกร 7 คนนี้ มาเบิกในงานของ PKW แต่เจ้าตัวไม่ได้ไปทำงาน และทั้ง7คนให้การว่า ไม่ได้ไปไซต์งาน และไม่ได้ควบคุมงานตามวันและเวลาที่ปรากฎในเอกสารที่มีลายเซ็น

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อถามว่า นอกจากวันและเวลาที่ปรากฎในเอกสารแล้ว ทั้ง7คนเคยเข้าไปที่ไซต์งานสตง.ในช่วงเวลาที่มีการก่อสร้างตึกหรือไม่นั้น นายศุภภางกูร ระบุว่า วิศวกร อ้างว่าช่วงเวลาการก่อสร้างอาคารสตง.ไม่เคยไปที่ไซต์งาน และบางคนก็ลาออกจากบริษัทไปแล้วด้วย แต่รายละเอียดยังอยู่ในการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนมีการนำชื่อไปแอบอ้างแล้วเจ้าตัวที่เป็นวิศวกรรู้ตัวหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการสอบสวน

นายศุภภางกูร ระบุอีกว่า สำหรับขั้นตอนการพิสูจน์การปลอมแปลงลายเซ็นนั้นจะส่งไปที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ หลังจากนั้นก็จะนำข้อมูลมาพิจารณาว่า เป็นลายมือของวิศวกรจริงหรือไม่ ซึ่งจะต้องพิจารณาในโครงการจ้างควบคุมงานว่า มีการดำเนินการตามข้อมูลที่ได้มาจริงหรือไม่ และหากสามารถพิสูจน์ได้ว่า ถูกนำ ลายเซ็นมาแอบอ้าง จะต้องให้ผู้ที่ถูกแอบอ้างนั้น ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนภายในสน. พื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้มีวิศกรบางคน ที่ถูกปลอมแปลงลายเซ็นมีการไปแจ้งความไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายศุภภางกูร ระบุว่า ขณะนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้สอบบริษัท ไมน์ฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัดซึ่งเป็นบริษัทที่รับผิดชอบงานวิศวกรรมไปแล้ ส่วนบริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด เป็นบริษัทที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องงานสถาปัตยกรรม แต่ในฐานะกิจการร่วมค้าของ 2 บริษัท ก็ต้องเรียกมาให้การ โดยตามหลักกฎหมายพระราชบัญญัติ การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ต้องขอรับอนุญาตจากบริษัทผู้ออกแบบ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนว่ามีการดำเนินการตามหลักการนั้นหรือไม่

ส่วนกรณีของนายธีระ วรรธนะทรัพย์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท ไมน์ฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัดที่ยอมรับว่ามีการแก้ไขแบบแปลนปล่องลิฟต์เพื่อให้พื้นทางเดินมีความกว้างมากขึ้น ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 กรณีที่มีการแก้ไขปล่องลิฟต์ โดยลดขนาดจาก 30 ซม. เหลือ 25 ซม. บริษัท คอนซัลแทนท์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ได้ทำเรื่องเสนอมายังบริษัทผู้ออกแบบ เบื้องต้นนายธีระให้การว่า การแก้ไขจะเป็นการตัดสินใจร่วมกันของ 2 บริษัท คือ บริษัท ฟอ-รัม อาร์คิเทค จำกัด กับบริษัท ไมน์ฮาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หากพบว่า การแก้ไขแบบดังกล่าวเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตึกสตง.ถล่ม ทั้ง 2 บริษัทจะต้องรับผิดชอบอย่างไร นายศุภภางกูร ระบุว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริง จึงขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานก่อน พร้อมยืนยันว่าทุกบริษัท ทุกพยานที่เข้าให้การกับดีเอสไอให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการให้ข้อมูล

 

ส่วนกรณีของ นายเกรียงศักดิ์ กอวัฒนา รองประธานอาวุโส บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เบื้องต้น ได้ให้ข้อมูล เกี่ยวกับกิจการร่วมค้ากับบริษัทไชน่าฯ โดยขั้นตอนการก่อสร้าง บริษัทไชน่าฯ จะเป็นผู้รับเหมา และดำเนินการก่อสร้างตามแบบ หากเกิดปัญหาจะต้องรายงาน ผ่านผู้ควบคุมงาน หรือ บริษัท PKW ซึ่งการจะดำเนินการก่อสร้างได้จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน และได้รับการอนุมัติ โดยบทบาทของหน้าที่ผู้รับเหมา ก็จะต้องก่อสร้างตามแบบอยู่แล้ว

 

ส่วนเหตุผลที่บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ร่วมเป็นกิจการร่วมค้ากับบริษัทไชน่าฯ นายศุภภางกูร ระบุว่า เพราะ ก่อนหน้านี้ทั้ง 2 บริษัทเคยทำธุรกิจร่วมกันมาก่อน เกี่ยวกับการก่อสร้างตั้งแต่ก่อนปี 2563 แต่ยังไม่มีการสอบสวนรายละเอียดอย่างชัดเจน โดยขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษกำลังมุ่งเน้นสืบสวนสอบสวนในประเด็นตึกสตง.ถล่ม และขยายไปเรื่องของการออกแบบ การจ้างควบคุมงาน ส่วนจะพบส่วนผิดปกติในขั้นตอนงานอะไรบ้าง ก็อยู่ระหว่างการสวบสวน และรวบรวมพยานหลักฐาน

สำหรับการติดตามบุคคลที่ยังไม่เข้าพบดีเอสไอ จะมีวิธีการอย่างไรสำหรับคนที่บล็อกเบอร์ ระบุว่ามั่นใจว่ายังไงก็จะต้องเข้าให้การ เพราะเป็นประโยชน์กับตัวเขาเอง เพราะถ้าหากลายเซ็นถูกปลอมก็ควรเข้ามาให้ข้อมูล เพื่อยืนยันว่า ไม่ได้มีส่วนกับการควบคุมงานจริงๆ ซึ่งมีบางรายที่ติดต่อไม่ได้แต่ก็เดินทางเข้ามาพบพนักงานดีเอสไอเอง

ส่วนจะมีการตรวจสอบโครงการอื่น ที่บริษัทไชน่าฯ และบริษัท อิตาเลียนไทย ร่วมกันทำธุรกิจด้วยหรือไม่ ระบุว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการประชุมของคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรแจ้งมายังสื่อมวลชนอีกครั้ง

ส่วนการสอบปากคำที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในการสร้างตึก สตง. มีความเป็นไปได้จะเข้าข่ายความผิดฮั้วประมูลหรือไม่ ระบุว่า ดีเอสไอได้ตั้งเรื่องคดีฮั้วประมูลไว้ โดยจะต้องตรวจสอบทั้งโครงการอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราดำเนินการอยู่ คือการรวบรวมพยานหลักฐาน ให้สอดคล้องกับพยานหลักฐาน เกี่ยวกับพ.ร.บ.ฮั้วประมูล ไว้แล้ว ได้มีการตรวจสอบทุกมาตรา ซึ่งตอนนี้ทางสตง. ก็ได้ส่งมอบเอกสารโครงการให้เราตรวจสอบ

และหลังจากนี้ จะมีการออกหมายเรียกบริษัทที่เสนอราคาในโครงการก่อสร้างตึกสตง. 6 บริษัท มาให้ข้อมูล โดยคาดว่าน่าจะช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เบนซ์ เรสซิ่ง" แจ้งจับมือดีตัดต่อคลิป ชักชวนเล่นพนัน
ตร.จ่อแจ้ง 2 ข้อหาหนัก "ผอ.รพ." เมาซิ่งชน "2 ผู้ช่วยช่างภาพทีวี" เจ็บสาหัส
"เครือข่ายปชช." ยื่นหนังสือถึงกองทัพ ก่อนประชุม GBC แนะเจรจาปมเขตแดนก่อน ขอรบ.ยึดมั่นประโยชน์ประเทศ
ไฟไหม้ตลาดเสื้อผ้าชื่อดังกลางเมืองหลวงจอร์เจีย
“พล.ท.นันทเดช” ชี้กฎกรรมเริ่มทำงาน คนผิดไม่มีทางหลุดพ้น เชื่อไม่รอดถึงตั้งกาสิโน
ปชช.หลั่งไหลวัดโสธรพาครอบครัวขอพรวันแรงงาน
ผู้การแปดริ้ว มอบใบประกาศเกียรติการปฏิบัติงานดีเด่นด้านงานปราบปรามสถานีตำรวจภูธรแสนภูดาษ
อนุ กมธ.การเงิน การคลัง เสนอแนวทางแก้ไขปัญหารายได้การยาสูบแห่งประเทศไทยตกต่ำ เหตุซื้อภายในประเทศมีการผูกขาด
กรมควบคุมโรคเตือน! เฝ้าระวังติดเชื้อ "แอนแทรกซ์" หลังคร่าชีวิตชาวมุกดาหาร 1 ราย เจอกลุ่มเสี่ยงอีก 247 คน
“สมศักดิ์” จ่อฟันโทษ "ผอ.รพ.ชัยภูมิ" เมาแล้วขับชนสื่อ ชี้ผิดร้ายแรง ทำเป็นคดีตัวอย่าง สั่งดูแลคนเจ็บเต็มที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น