“คปท.” นำยื่นหนังสือแพทยสภา ขอเร่งสรุปผลสอบชั้น 14 อยากรู้ “ทักษิณ” ป่วยวิกฤตจริงหรือไม่
ข่าวที่น่าสนใจ
23 เม.ย.2568 ที่อาคารมหิตลาธิเบศร เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. เครือข่ายกองทัพธรรม นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.เข้ายื่นหนังสือถึงแพทยสภา เรื่องอย่าให้มีการทุจริตต่อจริยธรรมทางการแพทย์ กรณีการรักษานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เป็นไปตามหลักการแพทย์ หรือเอื้อประโยชน์หรือไม่
โดยนายพิชิต กล่าวว่า ที่เดินทางมาแพทยสภาวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้แพทยสภารีบทำการสรุปข้อเท็จจริงทางการแพทย์เกี่ยวกับการเจ็บป่วยและการรักษานายทักษิณ เพราะการสรุปเรื่องนี้คิดว่าไม่ควรเนิ่นนานกว่านี้ เนื่องจากการป่วย หรือไม่ป่วย หรืออาการวิกฤตหรือไม่วิกฤตนั้น สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์อยู่แล้ว จึงขอให้แพทยสภารีบสรุปและยืนอยู่บนหลักการจริยธรรม จรรยาบรรณแพทย์ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้อนุกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงที่ศ.เกียรติคุณนพ.อมร ลีลารัศมี เป็นประธานฯ นั้น ได้ทำหนังสือเชิญนายทักษิณมาให้ข้อมูลด้วย เพราะถือเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพราะหากไม่ได้เชิญมาให้ข้อมูล อาจจะเป็นช่องว่างที่ทำให้หยิบยกมาฟ้องศาลปกครองได้ว่าการสืบสวนสอบสวนไม่รอบด้าน ไม่ครอบคลุมผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งในอดีตเคยมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งศาลตีความว่าการสืบสวน สอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนการที่แพทยสภาเลื่อนการพิจารณาเรื่องนี้ออกไปจากวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา อ้างว่ามีเอกสารจากโรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลราชทัณฑ์มาเพิ่มนั้น แกนนำคปท.มองว่า เป็นการช่วยกันถ่วงเวลาให้เนิ่นนานหรือไม่ เพราะข้อเท็จจริงทางการแพทย์เป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างรวดเร็วอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการป่วย 4 โรคที่กล่าวอ้างนั้น มีหลักฐานทางการแพทย์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่พิสูจน์ทราบได้อยู่แล้ว การถ่วงเวลา 180 วันกว่าจะส่ง เป็นการตีความกฎหมายคนละมุม ตนคิดว่า แพทยสภามีอำนาจในการเร่งเรื่องนี้ได้
เมื่อถามว่า หากผลการสืบสวนสอบสวนของแพทยสภาออกมาแล้ว ทางคปท.และเครือข่าย ยอมรับทั้งหมดหรือไม่ นายพิชิต กล่าวว่า ตนคิดว่าส่วนหนึ่งอยู่ที่ชุดคำอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์ คือป่วยวิกฤตจริงหรือไม่ ตรวจสอบแล้วที่โรงพยาบาลาชทัณฑ์จริงหรือไม่ ตรงนี้ต้องมีคำอธิบายทางการแพทย์ที่ชัดเจน แล้วตลอด 180 วัน มีพฤติกรรมที่ขัดกับหลักของผู้ป่วยวิกฤต เช่น ไปเอ็มอาร์ไอ มีการเจาะไหล่ ซึ่งแพทย์จากที่อื่นๆ ก็ยังมองออกว่า ไม่ใช่การเจ็บป่วยระดับวิกฤต ดังนั้นแพทยสภาต้องมีคำอธิบายเรื่องนี้ให้ชัด และกรณีพักโทษเป็นกรณีพิเศษหลังการรักษา แล้วบอกว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ใส่เสื้อผ้า เองไม่ได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องมีคำอธิบายทางการแพทย์ให้ชัดเจนเหมือนกัน ดังนั้นถ้ามีคำอธิบายที่ชัดเจน เป็นวิทยาศาสตร์ ตนคิดว่าสังคมรับได้ เพียงแต่ว่าอย่าตัดตอนคำอธิบายว่าเป็นแค่การทำตามขั้นตอน การอธิบายเช่นนี้ แต่ขั้นตอนทางการแพทย์ที่มีการเลือกปฏิบัติก็จะทำให้เกิดข้อสงสัยในวิชาชีพแพทย์ได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น