ประเทศมหาอำนาจมักมีพฤติกรรมข่มขู่ประเทศที่เล็กกว่า แต่ดร.ศุภชัย พาณิชย์ภักดิ์เชื่อว่าประเทศเล็กสามารถยืนหยัด ต่อสู้กับมหาอำนาจเหล่านี้ได้
ดร. ถนัด คอมันตร์ เคยเขียนบทความเกี่ยวกับ ความสำคัญของอาเซียน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของมหาอำนาจ โดยระบุว่าหลักการของอาเซียนหรือ ASEAN Principle ที่เรายึดถือมาโดยตลอดคือการเป็นศูนย์กลางของอำนาจ, แต่บทบาทที่สำคัญกว่านั้นคือการเป็นตัวกลาง หรือผู้ไกล่เกลี่ย หรือบทบาทนักการทูต ที่คอยถ่วงดุลย์ระหว่างสองขั้วมหาอำนาจคือสหรัฐและจีน ประเทศอาเซี่ยนเล็กๆที่อยู่ตรงกลางอย่างเรา ถ้าไม่รู้จักที่จะถ่วงดุลย์อำนาจ เราก็จะถูกบดขยี้ ระหว่างสองยักษ์ใหญ่ และเพื่อเป็นการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค เราจึงต้องเล่นบทคนกลางให้เป็น
การเล่นบทบาทเป็นตัวกลาง ระหว่างสองมหาอำนาจ เราไม่สามารถเล่นเป็น Mr. Yes ได้ตลอดเวลา แต่ต้องรู้จักลุกขึ้นเผชิญหน้าและต่อกรกับมหาอำนาจ เพราะอาเซียนมีศักยภาพในหลายๆด้าน รวมทั้งการผลักดันให้มีการเปิดเจรจาในเวทีโลก จนกระทั่งเราสามารถจัดตั้งกลุ่ม ASEAN ได้
อาเซียนมักใช้กลยุทธแบบวิถีทางอาเซียนหรือ ASEAN Way คือการทำตัว low profile เน้นวิถีทางทางการทูต แต่มันเป็นวิถีทางแบบเดิมๆ ที่อาจไม่เข้ายุคสมัย ดร.ศุภชัยมองว่าอาเซียนอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางบางอย่าง อย่างเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งเคยพึ่งพาแรงงานราคาถูก เพื่อดึงดูดการลงทุนต่างชาติ แต่เราต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด ต้องเน้นให้การศึกษาและพัฒนาศักยภาพแรงงาน รวมทั้งพัฒนาเทคโนโลยี และนวัตกรรม เพื่อเพิ่มผลผลิต ขณะเดียวกันก็ต้องลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างไม่รู้ค่า เอาแต่ใช้ แต่ไม่รู้จักพัฒนาและรักษาแต่เราต้องตระหนักเรื่องปัญหาสภาพโลกร้อนให้มากขึ้น สรุปว่าเราไม่สามารถใช้นโยบายนิ่งเฉย และปล่อยให้โลกดำเนินไปตามกระแส เหมือนโลกยุคเก่า เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เราหลุดกระแสโลกาภิวัฒน์ และไม่สามารถต่อกรกับมหาอำนาจ แต่จะต้องลุกขึ้นต่อสู้และเผชิญหน้ามหาอำนาจเพื่อรับมือกับความข้ดแย้งใหม่ๆ