CNN, AFP และรอยเตอร์สรายงานว่าชาวอเมริกันราว 6 แสนคนออกมาชุมนุมตามเมืองต่าง ๆ มากกว่า 1,600 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ฝั่งตะวันออกเรื่อยไปจนถึงฝั่งตะวันตก รวมทั้งกรุงวอชิงตันดีซี, นิวยอร์ก, ฮุสตัน, ลอสแอนเจลิส, บอสตัน, รัฐฟลอริดาและโคโลราโด เมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 5 เมย.)

โดยที่กรุงวอชิงตัน กลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวกันนั่งรถบัสมาจากหลายเมือง โดยประเมินว่ามีมากกว่า 20,000 คน โดยมาชุมนุมกันที่ลานเนชั่นแนล มอล ใกล้กับอาคารรัฐสภา หลายคนตะโกนแสดงความโกรธแค้นต่อนโยบายต่างๆของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตั้งแต่การปรับลดขนาดของหน่วยงานรัฐ ทำให้ชาวอเมริกันต้องตกงานเป็นจำนวนมาก, การกดขี่ผู้ลี้ภัยต่างชาติและล่าสุดการประกาศใช้มาตรการภาษีตอบโต้กว่า 60 ประเทศไม่เว้นแม้แต่ประเทศพันธมิตรของสหรัฐเอง ซึ่งไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆทั่วโลก แต่ยังทำให้ชาวอเมริกันในประเทศต้องเดือดร้อนจากราคาสินค้าที่กำลังจะพุ่งสูงกันอย่างถ้วนหน้า และทำให้ตลาดหุ้นตลาดเงินดิ่งลงจนแทบพัง

ที่นครเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ผู้ประท้วงได้ชูป้าย “ต้องไม่มีกษัตริย์ให้สหรัฐ” ทั้งนี้ผู้ประท้วงกล่าวหาทรัมป์ว่าทำตัวยิ่งใหญ่เหมือนคิง

การชุมนุมประท้วงไม่ได้มีแค่ในสหรัฐ แต่ยังเกิดขึ้นในอีกหลายเมืองของยุโรป รวมทั้งกรุงลอนดอน, เบอร์ลินและปารีส โดยลิซ แชมเบอร์ลิน ชาวอังกฤษ-อเมริกันกล่าวว่ามาตรการการค้าที่แข็งกร้่าวของทรัมป์ก่อให้เกิดปัญหาไปทั่วโลก และกำลังผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตามบรรยากาศการชุมนุมประท้วงส่วนใหญ่เป็นไปด้วยความสงบ ซึ่งในจำนวนผู้ประท้วงก็มีสส.จากพรรคฝ่ายค้านเดโมแครตมาร่วมชุมนุมด้วย ท่ามกลางความไม่พอใจของสส.พรรคเดโมแครตที่ไม่สามารถออกเสียงคัดค้านนโยบายของทรัมป์ได้เลย เพราะเป็นเสียงข้างน้อยในสภา