ดีเอสไอ สแกน 3 จุดใต้น้ำเจ้าพระยา รอบบ่าย หาหลักฐานคดี “แตงโม นิดา” คาด 2 สัปดาห์รู้ผล

ดีเอสไอ สแกน 3 จุดใต้น้ำเจ้าพระยา รอบบ่าย หาหลักฐานคดี "แตงโม นิดา" คาด 2 สัปดาห์รู้ผล

วันนี้ ( 17 ก.พ.) เมื่อเวลาประมาณ 12.40 น. มีรายงานความคืบหน้า หลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้ปฏิบัติภารกิจล่องเรือสำรวจแม่น้ำเจ้าพระยา ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ผ่านไป 4 จุดในฝั่งทิศใต้ ประกอบด้วย บริเวณท่าทราย วัดค้างคาว ,ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 , จรัญสนิทวงศ์ 92 เพื่อสำรวจภูมิประเทศใต้ลำน้ำเจ้าพระยาในบริเวณทั้ง 3 จุด และเก็บข้อมูลทางอากาศ เพื่อนำไปใช้ประกอบการสืบสวนสอบสวนคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา”

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า ผลที่ได้จากการตรวจสภาพที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด จะทำให้ทราบข้อมูล เกี่ยวกับบาดแผลยาวที่โคนขาด้านใน ที่เราสงสัยว่าโดนใบพัดเรือ แท้จริงแล้วเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ บริเวณดังกล่าวมีวัตถุหรือสิ่งก่อสร้างอะไรหรือไม่ ที่ทำให้ให้เกิดบาดแผบในลักษณะดังกล่าวกับร่างของผู้เสียชีวิตขณะจมอยู่ในน้ำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้โซลาร์ใต้น้ำจะบอกได้ว่า ในบริเวณดังกล่าวมีอะไรที่สงสัยได้หรือไม่

 

 

 

 

 

 

 

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้ในครั้งนี้ จะถูกมอบให้กับแพทย์นิติเวช ที่เราเชิญมาร่วมตรวจสอบ รวม 10 สถาบัน นอกจากนี้ ในเส้นทางที่ตรวจทั้งหมดตามลำน้ำต่างๆ ตัวสแกนเนอร์จะเก็บภาพตลอดลำน้ำเจ้าพระยาทั้งหมด ตรงไหนมีกล้องวงจรปิด มีสิ่งที่เรือสามารถส่งคนขึ้นท่าได้ เราจะเก็บมาวิเคราะห์ทั้งหมด และจะนำมาตรวจซ้ำอีกครั้งหนึ่ง เพื่อที่จะมาวิเคราะห์ร่วมกับคำให้การของบุคคลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้ ประมาณ 2 สัปดาห์ ผลการวิเคราะห์ต่างๆ ก็จะออกมา ซึ่งจะมีการนำข้อมูลเหล่านี้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศ โดยในวันที่ 20 ก.พ. นี้ ตนจะเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับคดีอาชญากรรมคดีหนึ่ง และจะนำผลการสอบคดีแตงโมในครั้งนี้ไปปรึกษาด้วย เพื่อนำมาช่วยตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลในครั้งต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

ขณะที่ นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวว่า การดำเนินการครั้งนี้ ทำด้วยมาตรฐานที่เป็นกลาง เครื่องมือต่างๆ รวมถึงพิกัดต่างๆมีการอ้างอิงจากโครงข่าย GPS ของชาติ ดังนั้น การทำข้อมูลครั้งนี้ จะเป็นมาตรฐานอย่างมาก โดยอุปกรณ์สำคัญที่ใช้จะประกอบด้วย 3 ส่วน ๆแรก จะใช้เรือสำรวจใต้น้ำและคลื่นโซนาของกรมชลประทาน สำรวจทำให้เห็นภูมิประเทศใต้น้ำทั้งหมด ว่า มีความลึกอย่างไร มีสิ่งกีดขวางอย่างไรบ้าง ส่วนการสำรวจจากมุมสูง กรมชลประทานจะใช้โดรน ติดเลเซอร์ขึ้นไปบินสำรวจและสแกนพื้นที่ทั้งหมด และสุดท้ายจะเป็นเครื่องมือคล้ายกับเลเซอร์สแกน แต่เป็นการเก็บแบบละเอียด

 

 

โดยช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ ลงพื้นที่วัดค้างคาว ซึ่งเป็นจุดที่คิดว่า มีการจอดเรือเป็นระยะเวลานาน ซึ่งได้มีการสำรวจเก็บข้อมูล บริเวณท่าเรือปถึงประตูน้ำทั้งหมดแล้ว โดยข้อมูลจากการสำรวจทั้งหมดจะถูกนำมาประมวล โดยใช้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะได้ข้อมูลพื้นที่เกิดเหตุทั้งหมด หลังจากนั้นพนักงานสอบสวนจะนำหลักฐานที่ได้จากการสืบสวน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง GPS ของที่เกิดเหตุ ตำแหน่งของสัญญาณโทรศัพท์ ตำแหน่งของกล้องวงจรปิดต่างๆ ก็จะมาอยู่ในระบบทั้งหมดเพื่อที่จะให้เกิดความชัดเจน

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กัมพูชาแบนโดรนทุกชนิดในพนมเปญ
สส. เม็กซิโกตะลุมบอนวุ่นระหว่างประชุมสภา
ฮุนเซนขอเอกชนกัมพูชาบริจาคเงินเดือนช่วยผู้หนีภัย
ผบช.ภ.3 ปล่อยแถวระดมกำลังโคราช กวาดล้างอาชญากรรมเข้ม รับมือชายแดน โดรนสอดแนม เทศกาลปีใหม่
พัทยาคึกคัก เรือสำราญระดับโลก เวสเตอร์ดัม ปล่อยนักท่องเที่ยว  ลูกเรือกว่า 2,500 คน ทัวร์เมืองพัทยา
คณะอนุกรรมาธิการกิจการทหารด้านความมั่นคงแบบองค์รวม ประชุม ครั้งที่ 17/2568

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​