“พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” สวนแรง “ทักษิณ” ใครกันแน่ ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ทำผิดหนีคดีไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม

การไปยื่นเอกสารให้ นายณัฐพงษ์ นั้น ตนรู้ดีว่าอะไรควรและไม่ควร ส่วนเรื่องของอาการป่วย นายทักษิณ ขณะนี้แพทยสภา กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังตรวจสอบอยู่ และขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นในชั้น อัยการ ชั้นศาล ฉะนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเปิดเผยถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ซึ่งควรอยู่ในสำนวนการสอบสวน ส่วนวันที่ตนไปยื่นเอกสาร เป็นวันประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน และพรรคร่วมฝ่ายค้านอยากมีกิมมิค เล็กน้อย จึงนำซองมาให้ตนยื่น และซองนั้นเป็นซองป่าว ไม่ได้มีอะไร เพราะเรารู้ดีว่าอะไรเหมาะสมและไม่เหมาะสม

เมื่อถามว่า นายทักษิณ ได้ตอบคำถามว่ากรณีที่ท่านนำเอกสารไปให้กับพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า รู้จักแต่พลตำรวจเอกที่เป็นผู้ชาย แต่ไม่รู้จักพลตำรวจเอกที่เป็นผู้หญิง พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่มองอะไรมาก นายทักษิณไม่มีทางออก ก็มาหาเรื่องเล่นตนก็เท่านั้น จะเป็นลูกผู้ชายหรือลูกผู้หญิง หากตนต้องไปอยู่กับนายทักษิณ และมีสภาพแบบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หรือ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ไม่มีสิทธิ์อ้าปาก สั่งอะไรก็ต้องทำ ไม่มีศักดิ์ศรี อย่าเป็นดีกว่า ส่วนที่นายทักษิณพูดนั้น เป็นการเหน็บแนมตน ว่าเป็นผู้หญิง ไม่ใช่ผู้ชาย ตนจบโรงเรียนนายร้อย สมัครใจไปปราบปรามผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ที่นาแก ทำงานทั่วประเทศชาติ มีผลงานปรากฏ แต่นายทักษิณนำทุนหลวงไปเรียนต่อ เมื่อกลับมาลาออกไปประกอบธุรกิจ ไม่คิดถึงประเทศชาติ หากประกอบอาชีพสุจริต จะมีโทษติดคุกได้ยังไง ลำพังตัวเองติดตั้ง 10 ปี

“นายทักษิณถูกจำคุก ได้ขอพระราชทานอภัยโทษ เหลือติดคุก 1 ปี ยังไม่ยอมติดคุกเลย ใช้อำนาจช่วยกันที่กำลังถูกตรวจสอบขณะนี้ อย่างไหนเรียกว่าลูกผู้ชาย ผมมีคดีความเยอะ ไม่เคยแพ้ พลาดอยู่ครั้งเดียว ที่ศาลพิพากษาให้ผมผิด ก็สู้คดีกัน จนสุดท้ายก็ยอมถอนคดีกันทั้งสองฝ่าย ผมทำตามกระบวนการตามกฎหมายถูกต้องทุกอย่าง ไม่เคยหลบหนี หรือทำผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น แต่นายทักษิณทำทั้งนั้น และจะมาอ้างตัวเองว่าเป็นลูกผู้ชาย ลูกผู้ชายไม่ทำกันแบบนี้” พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ กล่าว