นายอนุทิน กล่าวภายหลังตัดไฟเมียนมาว่า วันนี้ตัดไปประมาณ 20 เมกะวัตต์ รายได้เดือนหนึ่งก็ประมาณ 50 ล้านบาท หรือ 600 ล้านบาทต่อปี พร้อมชี้แจงโดยย้ำว่าการที่กระทรวงมหาดไทยไม่ตัดสินใจตัดกระแสไฟฟ้าเอง เพราะอยู่นอกเหนืออำนาจ แต่สิ่งที่ได้พิสูจน์ก็คือ การประชุม สมช.และมีมติ รวมถึงมีหนังสือออกมา เมื่อมีหนังสือออกมา เราก็ดำเนินการทันที การจ่ายกระแสไฟฟ้าของ กฟภ.ไปยังประเทศเมียนมาก็เป็นอันยุติลง

เมื่อถามว่าหลังจากนี้เมียนมาจะสามารถติดต่อขอซื้อไฟได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด วันนี้รัฐบาลบอกว่าให้หยุด เพราะคุณเอากระแสไฟฟ้าไปใช้สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศไทย เขาก็ต้องไปแก้ไข และเจรจาใหม่ ส่วนทางรัฐบาลเมียนมาได้ร้องขอมาหรือไม่ เพราะอาจจะกระทบโรงเรียนหรือหมู่บ้าน หรือโรงพยาบาลที่ใช้ไฟฟ้า เรื่องนี้กระทวงการต่างประเทศจะเป็นผู้ประสานและหารือกับทางรัฐบาลเมียนมา ส่วนเรื่องการฟ้องร้องนั้น เราทำตามข้อกำหนดในสัญญา หากจ่ายไฟไปแล้วมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เราสามารถงดจ่ายไฟได้

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ย้ำว่าคนที่จะเคาะว่ากระทบต่อความมั่นคงไม่ใช่ กฟภ. เพราะถ้าเป็นอำนาจโดยตรงของ กฟภ.ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุ ก็คงไม่มีการประชุม สมช. อย่างไรก็ดียืนยันว่าไม่ได้โยนกันไปโยนกันมา แต่มันมีขั้นตอน แต่ว่า กฟภ.มีหน้าที่จ่ายไฟฟ้า แต่ไม่ได้มีหน้าที่ประเมินว่ากระทบกับความมั่นคงทางพลังงานหรือไม่อย่างใด ซึ่งหากเกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงก็จะเป็นเรื่องของ สมช.

นายอนุทิน ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการเมืองหรือประโยชน์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับความมั่นคง และเรื่องของการรับข้อสั่งการจากรัฐบาล และตนยืนยันมาตั้งแต่วันแรกที่เป็นประเด็นแล้ว ตนบอกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อสั่งการที่ กฟภ.เชื่อว่าเป็นข้อสั่งการที่ถูกต้องตามกฎหมาย กฟภ.ก็จะดำเนินการทันที เราก็พิสูจน์ให้เห็นวันนี้แล้ว เมื่อคืนสั่งการมาให้ตัดไฟฟ้าตั้งแต่ 09.00 น. เป็นต้นไป พอ 09.00 น. ทางทีมงานก็ตัดกันแล้ว ไม่ต้องรอตนมาด้วย ถึงเวลาก็ตัด