การเลือกตั้ง นายก อบจ.ภูเก็ต น่าจะเป็นการห้ำหั่นระว่าง 2 ตัวเต็งอย่าง นายเรวัต อารีรอบ อดีตนายกอบจ. ภูเก็ต แชมป์เก่าที่มาใน “ทีมภูเก็ต หยัดได้” ขณะที่ตัวเต็งอีก 1 คน คือ นพ. เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล หรือหมอโอ จากพรรคประชาชน

สำหรับ นายเรวัต เป็นอดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต 5 ถือเป็นตัวจริงในสนามท้องถิ่นจังหวัดภูเก็ตที่มีฐานเสียงจากทั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสายสัมพันธ์ของผู้มากบารมีในพื้นที่ นายเรวัตเริ่มเข้าสู่สนามการเมืองเมื่อปี 2550 ด้วยการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และเป็น สส.ถึง 2 สมัย รวมทั้งยังเป็นอดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายสาธิต ปิตุเตชะ)

ต่อมาในปี 2563 ลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต ไม่สังกัดพรรคใด โดยในนามของทีม ภูเก็ต หยัดได้ และได้รัลเลือกเป็นนายกอบจ. อย่างไรก็ตามในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จึงน่าสนใจว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะรักษาเก้าอี้ไว้ได้หรือไม่

ขณะที่พรรคประชาชน ส่ง นพ.เลอศักดิ์ ลีนะนิธิกุล หรือหมอโอ เข้าชิงชัย โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ “พรรคส้ม” ตั้งเป้ากวาดเก้าอี้อย่างน้อยภาคละ 1 จังหวัด เพราะมีความเชื่อมั่นจากคะแนน “ป็อปปูลาร์โหวต” ในการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกล” ได้คะแนนไม่เคยต่ำกว่าที่ 2 ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ

ทั้งนี้ใน 17 จังหวัดที่พรรคส้มส่งผู้สมัคร ภูเก็ต คือ 1 ใน 4 จังหวัด(สมุทรปราการ เชียงใหม่ ตราด) ที่คาดหวังว่าจะได้แรงหนุนจาก “ฐานเสียงสีส้ม” ผลักดันให้ชนะการเลือกตั้ง อีกทั้งภูเก็ตยังเป็นจังหวัดแรกของภาคใต้ และเป็นจังหวัดเดียวที่พรรคส้มกวาด สส.ได้ยกจังหวัด 3 เขต อีกทั้งยังเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ได้คะแนนเสียงปาร์ตี้ลิสต์รวม 9.2 หมื่นเสียง ดังนั้นบรรดาแกนนำจึงมั่นใจว่า ภาคใต้จะเปลี่ยนจาก พรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย เป็น “สีส้ม”ได้

อย่างไรก็ตาม นพ. เลอศักดิ์ ถือเป็นมือใหม่ทางการเมือง เป็นคนภูเก็ตโดยกำเนิด จบคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จากนั้นเป็นหมอเชี่ยวชาญด้านผ่าตัดสมองที่สถาบันประสาทวิทยา ก่อนกลับมาเป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตตั้งแต่ปี 2548 จนถึงปัจจุบัน และได้ตำแหน่งบริหารเป็นรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล

นายแพทย์เลอศักดิ๋ เคยให้สัมภาษณ์ว่า ชอบการเมือง ตั้งแต่สมัยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งพรรคอนาคตใหม่ ส่วนการลงสมัครนายกอบจ. มีนโยบาย อาทิ การเข้าถึงบริการสาธารณสุข การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงการ ยกระดับการศึกษาไม่ให้มีความเลื่อมล้ำ และพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ฯลฯ

จากนี้ไปคงต้องดูกันว่าสนามเลือกตั้งจังหวัดภูเก็ต พรรคส้มจะสามารถตีไข่แตกอย่างที่วาดฝันได้หรือไม่