ทรัมป์สั่งระงับความช่วยเหลือตปท. 90 วัน

อีกคำสั่งของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่อาจมีผลกระทบทั่วโลก คือการระงับโครงการความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศเป็นเวลา 90 วัน เพื่อทบทวนก่อนสรุปอีกทีว่า สอดคล้องกับเป้าหมายนโยบายของทรัมป์หรือไม่

 

คำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ความช่วยเหลือที่ให้แก่ต่างประเทศหลายกรณี ไม่ใช่ผลประโยชน์และขัดค่านิยมอเมริกัน และยังเป็นไปเพื่อบั่นทอนสันติภาพของโลกด้วยการส่งเสริมแนวคิดในต่างประเทศ ที่ส่งผลตรงกันข้ามกับความสัมพันธ์ภายในประเทศและระหว่างประเทศที่ควรจะมั่นคงและราบรื่น จึงควรระงับความช่วยเหลือต่างประเทศที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายต่างประเทศของประธานาธิบดีสหรัฐฯไว้ก่อน

 

คำสั่งของทรัมป์ในเรื่องนี้ ให้เป็นภารกิจของ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ หรือผู้ได้รับมอบหมาย เป็นผู้ตัดสินใจดำเนินการ โดยหารือกับสำนักงานบริหารจัดการและงบประมาณ เนื่องจากกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ ยูเสด (USAID) เป็นหน่วยงานหลักที่กำกับดูแลความช่วยเหลือต่างประเทศ

 

ทรัมป์ต่อต้านการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศมาโดยตลอด แม้ตามข้อเท็จจริง ความช่วยเหลือเหล่านั้น มีสัดส่วนเพียง 1% ของงบประมาณรัฐบาลกลาง เว้นในกรณีไม่ปกติ เช่นการจัดหาอาวุธหลายพันดอลลาร์ให้แก่ยูเครน ซึ่งทรัมป์ก็วิจารณ์มาตลอด

 

ก่อนหน้านี้ รูบิโอ ตอบคำถามคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ว่า ทุกดอลลาร์ที่สหรัฐฯจ่ายไป และทุกโครงการที่ได้ทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ จะต้องตอบคำถามง่าย ๆ แค่ 3 ข้อ นั่นคือ ทำให้อเมริกาปลอดภัยหรือไม่ ทำให้อเมริกาแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ และทำให้อเมริการุ่งเรืองขึ้นหรือไม่

 

อย่างไรก็ดี ยังไม่ชัดเจน คำสั่งของทรัมป์ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 20 มกราคม จะมีผลกระทบต่อความช่วยเหลือต่างประเทศในเบื้องต้นมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากรัฐสภาสหรัฐฯผ่านงบสำหรับโครงการจำนวนมากไปแล้ว และเมื่อผ่านแล้ว ก็จะต้องใช้จ่าย

 

รายงานการใช้จ่ายงบประมาณช่วยเหลือต่างประเทศหลังสุดของรัฐบาล โจ ไบเดน ตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม และปีงบประมาณ 2566 พบว่า มีการจัดสรรงบ 6 หมื่น 8 พันล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการในต่างประเทศ ตั้งแต่การบรรเทาทุกข์ภัยพิบัติ โครงการส่งเสริมสุขภาพ และสนับสนุนประชาธิปไตยใน 204 ประเทศและภูมิภาค

คาดว่าประเทศที่รับความช่วยเหลือจากสหรัฐฯมากที่สุด อย่างอิสราเอ

ล ที่ได้รับงบช่วยเหลือ 3 พัน 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี อียิปต์ 1 พัน 500 ล้านสหรัฐฯต่อปี และจอร์แดน 1 พัน 700 ล้านดอลลาร์ต่อปี จะไม่กระทบ เพราะอยู่ในแพคเกจระยะยาวที่ต่อเนื่องมานานหลายสิบปี และบางกรณีเป็นภาระผูกพันตามสนธิสัญญา

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พิพัฒน์" นำทีมเยือนเกาหลีใต้ ร่วมเวทีประชุมรมต.ด้านการทรัพยากรมนุษย์ APEC หารือเอกชนต่อยอดโอกาสแรงงานไทยในตปท.
"กรมบังคับคดี" เชิญร่วมกิจกรรมงาน "MONEY EXPO 2025" สะท้อนมุ่งมั่นบังคับคดีเชิงรุก สร้างสุขแก่ประชา นำพาความยุติธรรม ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
วิเคราะห์สาเหตุการระบาดของ "ปลาหมอคางดำ” ใครทำหลุดกันแน่ ?
"ดีอี" เตือนข่าวปลอม “22 จว.ปลอดภัยที่สุดจากแผ่นดินไหว” ขอปชช.อย่าหลงเชื่อ
ระทึก เกิดเหตุเพลิงไหม้ "สำนักงาน" ภายในโรงสีข้าวพิษณุโลก เคราะห์ดีคุมเพลิงได้ทัน
"อุตุฯ" เตือน 53 จังหวัด รับมือฝนถล่มหนัก-ลมกระโชกแรง กทม.ก็ไม่รอด
2 แรงงานพม่า สุดซึ้ง กู้ภัยเก็บสร้อยทอง จากซาก "ตึกสตง." ส่งคืน
"ศุภชัย" หนุนมหาวิทยาลัยเป็น "พลังเปลี่ยนพื้นที่" ผลิต "คน" ที่พร้อมทั้งทักษะอนาคต-ความรู้ที่ใช้ได้จริง รับโลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
"รมว.เกษตรฯ" แจ้งข่าวดี GACC เชื่อมั่นมาตรฐานไทย แจ้งลดระดับการสุ่มตรวจ สาร BY2 ทุเรียนส่งออกจีน เริ่มมีผล 10 พ.ค.นี้
"สภาวิศวกร" เผยพบผู้ประกอบวิชาชีพ 2-3 ราย ส่อผิดจรรยาบรรณ เหตุ สตง.ถล่ม เร่งรวบรวมข้อมูลใหชัด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น