สถานการณ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังพบการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องล่าสุดวันนี้ ( 2 พ.ค.64) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 1,940 มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตอีก 21 ราย
การระบาดแพร่หลายไปเป็นวงกว้าง ประชาชนรอเตียงเข้ารับการรักษา ประชาชนผู้สัมผัสใกล้ชิดกลุ่มเสี่ยงมีเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการตรวจ เพราะถ้าจะต้องไปตรวจเองก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครั้ง 2,500-3,500 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากสำหรับประชาชนทั่วไปที่ต้องเข้ารับการตรวจ ทางกรมควบคุมโรคจึงได้จัดสรร รถตรวจนิรภัยพระราชทาน ไปตรวจยังพื้นที่เสี่ยงที่พบการแพร่ระบาดกว้าง ส่วนพนักงานบริษัท ที่จ่ายเงินสมทบประกันสังคม ทางสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ก็จัดให้มีการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิดฟรี ที่ สนามกีฬาไทยญี่ปุ่นดินแดง ซึ่งพนักงานบริษัท ผู้ประกันตนที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย หรือในที่ทำงานพบผู้ติดเชื้อด้วยเช่นกัน
ขณะที่ในโลกออนไลน์ก็ได้มีการแพร่ ประกาศแจ้งพนักงาน ในองค์กรสื่อใหญ่ ที่มีส่วนเกี่ยวพันกับ ส.ส.คนดัง แจ้งประกาศ พนักงานในองค์กรติดเชื้อโควิด-19 หลังการแพร่ระบาดระลอกครั้งใหม่ ทั้งสิ้น 7 คน ทางบริษัท ได้เน้นย้ำใช้มาตรการการบริหารจัดการด้านสุขอนามัยเพื่อลดความเสี่ยงในการติดต่อ และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส โควิด19 เช่น 1.การปิดพื้นที่ ที่พบผุ้ติดเชื้อไปปฏิบัติงาน , 2.การตรวจวัดอุณหภูมิ หากพนักงานเกิน 37.5 องศา จะไม่อนุญาตให้เข้าอาคาร ,3. รณรงค์และกำชับให้พนักงานใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะปฏิบัติงานในอาคาร ,4. มีเจลแอลกอฮอล์ให้บริการ ณ จุดวัดไข้ และ ตามจุดต่างๆทุกชั้น ทั่วบริษัท, 5.เว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1 เมตร (Social Distancing) ,6. ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง ด้วยแอลกอฮอล์อยู่เสมอทุกชั่วโมง เช่น ลิฟท์ ห้องน้ำ ลูกบิดประตูราวบันได , 7. ฉีตพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งอาคาร ทุกคืนวันเสาร์ อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กรณีที่บริษัทฯ ยังตระหนักว่า มีพนักงานจำนวนมากยังมีความกังวลเรื่องการติดเชื้อฯ ประสงค์จะเข้าทำการตรวจคัดกรองการติดเชื้อ บริษัทฯขอแจ้งว่าขณะนี้บริษัทฯกำลังดำเนินการประสานงานเพื่อขอรถตรวจนิรภัย พระราชทาน เพื่อตรวจคัดกรองพนักงานที่ปฏิบัติงานและมีความสุ่มเสี่ยงในการสัมผัสกลุ่มเสี่ยง อีกทั้งบริษัทฯจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดหาวัคนป้องกันโรคไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อนำมาฉีดให้พนักงานโดยเร็ว
นี่คือประกาศที่สื่อยักษ์ใหญ่ บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ มีการระดมทุนเงินประชาชนมาบริหารองค์กร ในวันที่พบผู้ติดเชื้อในบริษัท ทางองค์กรกลับเลือกที่จะประสานขอรถตรวจนิรภัยพระราชทาน มาตรวจคัดกรองโควิดให้ แต่บริษัทสื่อ บริษัทเอกชน อีกเป็นจำนวนมาก เลือกที่จะให้พนักงานไปตรวจที่จุดตรวจของประกันสังคม หรือออกค่าใช้จ่ายให้พนักงานไปตรวจ หากสัมผัสผู้เสี่ยงขณะปฏิบัติหน้าที่ เค้าก็จัดการกันเอง ไม่เห็นมีองค์กรใดต้องรอขอ รถตรวจนิรภัยพระราชทาน
ซึ่งไม่คิดว่าองค์กรสื่อใหญ่แทนที่จะเสียสละ ให้รถตรวจพระราชทานไปตรวจให้กับประชาชนที่ลำบากในจุดเสี่ยง แล้วให้พนักงานไปตรวจคัดกรองที่ประกันสังคม หรือจ่ายเงินค่าตรวจให้พนักงานแทน กลับเลือกที่จะใช้อภิสิทธิ์ของความเป็นสื่อขอใช้รถตรวจนิรภัยมาตรวจพนักงานของตัวเองเช่นนี้
แต่เมื่อติดตามดูท่าทีความเคลื่อนไหวของสื่อใหญ่ค่ายนี้แล้ว แนวทางก็แซะและอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลมาโดยตลอด ไม่เว้นแม้การนำเสนอข่าวที่อาจสร้างความเข้าใจผิด อย่างกรณีการเสียชีวิตของศิลปินตลกชื่อดัง “น้าค่อม ขวนชื่น” แล้ว คุณไอซ์ ณพัชรินทร์ ลูกสาวน้าค่อม ได้แชร์ไอจีสตอรี่ถึงทุกๆ กำลังใจที่ส่งมอบมาให้เธอ รวมถึงข้อความจากโพสต์ของนักแสดงสาว นาตาลี เดวิส ที่เขียนแสดงความอาลัยพร้อมพูดถึงเรื่องการซีดวัคซีนในประเทศด้วยข้อความว่า “ถ้าประเทศเราได้ฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงเร็วกว่านี้… ถ้าประเทศเรามีตัวเลือกวัคซีนให้ ปชช มากกว่านี้… ถ้าประเทศเราเห็นแก่ความเป็นอยู่ของมนุษย์มากกว่านี้… หลายๆ ความสูญเสียคงไม่เกิด #รู้ๆกันอยู่ #รับไม่ได้ เสียใจ… @na.kom_ เป็นกำลังใจให้ @ice_napatcharin และครอบครัวนะคะ”
แต่สื่อค่ายใหญ่ ก็ทำภาพแบนเนอร์ รูปคุณไอซ์ พร้อมข้อความที่ นักแสดงสาว นาตาลี เป็นคนโพสต์ ทำให้คนอ่านเข้าใจว่าเสมือนหนึ่งคุณไอซ์เป็นคนโพสต์เอง จนสังคมเกิดความสับสนว่าที่จริงแล้วคุณไอซ์ได้เป็นคนโพสต์ข้อความนี้หรือไม่
ยังไม่พอแค่นั้น สื่อในเครือยังจัดชุดใหญ่รวมคนบันเทิงโพสต์ซัดรัฐบาลเรื่องวัคซีน โดยไม่ได้ให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมเลยว่าน้าค่อมเสียชีวิตเพราะอะไร อย่างไร อาการของโรคเป็นอย่างไร แต่จัดพื้นที่ให้คนดังด่ารัฐบาลอย่างเดียว
ซึ่งขั้นตอน ไทม์ไลน์ ในปัจจุบันก็กำหนดชัดเจนว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนได้เมื่อไหร่ โดยเริ่มจากการลงทะเบียนรับการฉีดวัคซีน ผ่าน App “หมอพร้อม” ก็เข้าสู่ขั้นตอนการนัดหมายวันฉีดวัคซีนต่อไป
ในสถานการณ์วิกฤต ที่รัฐบาลต้องเผชิญความยากลำบาก การหยุดยั้งการแพร่ระบาด การดูแลรักษาประชาชนที่ติดเชื้อ การฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ นี่ยังไม่รวมการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนที่ต้องได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้ สิ่งสำคัญคือทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจกันฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ด้วยกัน