ส่วนกรณีที่ อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง บอสมิน กับบอสแซม ทนายวิฑูรย์ ระบุว่าว่า ดีมากที่อัยการ สั่งไม่ฟ้องเพราะจริงๆบริษัทก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ ขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสินค้า ก็มี อย. การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องถือเป็นความกล้าหาญของอัยการที่กล้ายึดถือความยุติธรรมเป็นหลักที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเรา

ขณะเดียวกัน ทนายวิฑูรย์ ได้ตั้งคำถามว่า การที่ไปจับพวกเราทั้งหมดมา แล้วสุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง จะรับผิดชอบกับทั้ง 2 คนนี้ยังไง เป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐต้องหาคำตอบว่าตลอดเวลาที่ทำงานมานั้น ทำงานตามกระแสสังคมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ลูกความที่เป็นบอสทั้งหลายก็ถูกค้านประกันมาโดยตลอด เราไม่สามารถที่จะชี้แจงอะไรได้เลย

ทนายวิฑูรย์ ยังระบุด้วยว่า ในการพิจารณาคดีนี้ หากจำเลยได้รับการประกันตัว จะใช้เวลาในการสืบพยาน จนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ประมาณ 1 ปี เศษ แต่ถ้าจำเลย ต้องอยู่ในเรือนจำก็อยู่ที่ศาลจะกำหนดกรอบระยะเวลา

ทนายวิฑูรย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ สคบ.เพิกถอนใบอนุญาตธุรกิจตลาดแบบตรง ว่า การเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวทำให้บริษัทขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยใช้เครื่องมือสื่อสาร หรือ TV Direct ไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือขายสินค้าผ่านตัวแทนและตัวแทนสามารถขายสินค้าได้เหมือนเดิม ซึ่งในเรื่องการเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าว จะมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง ต่อ สคบ. ต่อไป

ส่วนกรณี ที่มีคนมาร้องสอบมรรยายทนายความของทนายวิฑูรย์ นั้น มองว่าเป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่ก็มองว่าเป็นการร้องกลั่นแกล้ง เพราะตนไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหาย เพียงแต่บอกว่า จะแจ้งความกับคนที่ แจ้งความเท็จ เท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ จะให้เพื่อนที่เป็นทนายตรวจสอบและดำเนินคดี กับทุกคนที่มีการร้องเรียนตนเอง