บินสำรวจตะลึงความเสียหายน้ำท่วมภูเขาถล่ม “กรุงชิง” พังยับเยิน-ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังช่วยเหลือฟื้นฟูฯเร่งด่วน

เปิดภาพมุมสูงบินสำรวจตะลึงความเสียหายน้ำท่วมภูเขาถล่ม "กรุงชิง" พังยับเยิน-ทุกหน่วยงานระดมสรรพกำลังช่วยเหลือผู้ประสบภัยฟื้นฟูสิ่งสาธารณูปโภคเร่งด่วน -ในขณะที่รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดฯควงผู้บังคับการฯ บินสำรวจตะลึงความเสียหายยับเยินเกินความคาดหมาย

(21 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเย็นวานนี้ (20 ธ.ค.) นายสมชาย ลีหล้าน้อย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วย พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช นายสายัน กิจมะโน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด และนายจิรวัฒน์ ปลอดวงศ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช ขึ้นบินสำรวจความเสียหายของพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะในพื้นที่ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ

ซึ่งประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากเหตุการณ์มวลน้ำจากเทือกเขากรุงชิงและดินโคลนไหลเข้าท่วมบ้านเรือน ส่งผลให้มีบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่บ้านเปียน หมู่ 4 ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ เสียหายหลายร้อยหลัง และในหมู่ 7 หมู่ 8 ต.กรุงชิง ถนนและสะพานขาดตัดขาดการสัญจรกับโลกภายนอก และยังพบว่ามีบางจุดชาวบ้านต้องใช้เชือกป่านขึงข้ามลำคลองและใช้รอกผูกตะกร้า ก่อนก้าวไปนั่งในตะกร้าชักลาก สัญจรข้ามคลองอย่าง ทุลักทุเล โดยนายอำเภอนบพิตำ พร้อมผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องเช่นกัน

 

 

โดยบ้านบางหลังถูกน้ำท่วมสูงถึงหลังคาบ้านและมีดินโคลนและซากซากต้นไม้ไหลเข้าทับบ้านและรถยนต์เสียหายจำนวนมาก ซึ่ง ดร.อัครเดช (อำนวย) ยุติธรรม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช (คนที่ 1) ได้ระดมกำลังคนและเครื่องจักรกลหนักและวัสดุอุปกรณ์ของ อบจ.นครศรีธรรมราช เข้าไปเร่งปรับเส้นทางให้รถสามารถสัญจรไปมาได้ชั่วคราว ก่อนที่ถนนและสะพานจะได้รับการซ่อมแซมหรือก่อสร้างใหม่ ในขณะที่วัดในพื้นที่หลายแห่งได้รับความเสียหาย อย่างหนักเช่นกัน

รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่องค์การบริหารส่วนตำบลกรุงชิง เพื่อเร่งให้การช่วยเหลือและบริหารสถานการณ์สาธารณภัยที่เกิดขึ้น โดยได้ประสานภาคเอกชน มูลนิธิกู้ชีพกู้ภัยและมูลนิธิเพื่อการกุศลในพื้นที่และจากต่างจังหวัดเข้าสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประสบภัย เนื่องจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นวงกว้างครอบคลุมทั้ง 23 อำเภอของจังหวัด ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้เพื่อร่วมให้กำลังใจ ติดตามดูแลความเป็นอยู่อาหารการกิน ติดตามความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ รวมทั้งรับฟังเสียงสะท้อนจากผู้ประสบภัย ส่วนการให้ความช่วยเหลือนั้นได้บูรณาการความร่วมมือกับส่วนราชการ หน่วยงาน ภาคเอกชนและองค์กรต่างๆ เข้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ การขอสนับสนุนกำลังพล เครื่องมืออุปกรณ์ ทั้งจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช กองทัพภาคที่ 4 หน่วยงานซ่อมสร้าง กรมทางหลวงชนบท องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเร่งดำเนินการซ่อมแซมและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค น้ำประปา ไฟฟ้า อย่างยิ่งเรื่องถนนและเส้นทางต่าง ๆ เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตทางเกษตร และพืชเศรษฐกิจทุเรียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทุเรียนที่ส่งออกไปยังตลาดในต่างประเทศ จำเป็นต้องใช้ระบบขนส่งเพื่อลำเลียงผลผลิตสู่ตลาดอย่างเร่งด่วน

 

 

 

ทั้งนี้จากข้อมูลของศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช 2567 ระบุในพื้นที่อำเภอนบพิตำ มีพื้นที่ประสบภัยรวม 4 ตำบล 38 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 6,930 ครัวเรือน 19,110 คน ประกอบด้วย ในพื้นที่ตำบลกะหรอ เกิดสถานการณ์ในพื้นที่หมู่ที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 และหมู่ที่ 9 ,ตำบลกรุงชิง ในพื้นที่หมู่ที่ 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10 และหมู่ที่ 11 และอพยพโรงเรียนบ้านเปีย ม.4 จำนวน 38 คน, ศูนย์อพยพ อบต.กรุงชิง จำนวน 64 คน, ศูนย์อพยพศาลาหมู่บ้านห้วยพาน ม.2 จำนวน 25 คน , พื้นที่ตำบลนาเหรง หมู่ที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 และหมู่ที่ 9 และในพื้นที่ตำบลนบพิตำ หมู่ที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 และหมู่ที่ 9 และศูนย์อพยพศาลาประชาคมอำเภอนบพิตำ ม.1 จำนวน 18 คน

นายณรงค์ฤทธิ์ จุลหริก เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ ใน ตำบลนบพิตำ อ.นบพิตำ กล่าวว่า ฝนตกต่อเนื่องทั่วบริเวณหุบเขาต้นน้ำและพื้นที่ราบสูงราบลุ่มหลายวันติดต่อกัน ทำให้มวลน้ำจากสาขาต่าง ๆไหลลงสู่คลองกลาย โดยในวันที่15 ธันวาคม ฝนตกต่อเนื่องตลอดวันตลอดคืน จนเที่ยงคืนของวันที่16 ธันวาคม มวลน้ำจำนวนมากในลุ่มน้ำคลองกลายกัดเซาะแนวตลิ่งพื้นที่หมู่ 1-7-8 ตำบลนบพิตำ อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช จนตลิ่งพัง และถนนคอนกรีต เสาไฟฟ้าประมาณ 3 เสา หักล้มทำให้อู่ซ่อมรถของตน รีสอร์ทหรูและบ้านที่อยู่อาศัยของชาวบ้านในพื้นที่เสียหายจมหายไปกับมวลน้ำ จนทำให้ไฟฟ้าดับระบบการสื่อสารล่มทั้งระบบ

ในขณะที่พื้นที่หมู่ 1 ตำบลนบพิตำ บริเวณใกล้หัวสะพานคลองกลาย มีบ้านเรือนและอู่ซ่อมรถที่ตั้งอยู่ห่างแนวตลิ่งคลองกลายประมาณ 50 เมตรไปถึง 20 เมตร จมหายไปกับน้ำคลองกลายประมาณ 5 หลังกับอู่ซ่อมรถ 1 แห่ง ถนนคอนกรีตขาดตัดขาดการสัญจร และเสาไฟฟ้าหักล้มระเนระนาด สำหรับอู่ซ่อมรถของตนมูลค่าความเสียหายทั้งโรงเรือนและเครื่องมืออุปกรณ์ในอู่ มีความเสียหายประมาณ 200,000 บาท

โดยสรุปอุทกภัยปี 2567 ในครั้งนี้ นอกจากมวลน้ำมหาศาลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และไหลลงสู่ลุ่มน้ำคลองกลายและซัดกัดเซาะแนวตลิ่งพังเสียหายยับยิน สาเหตุหลักอาจจะมาการเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศลุ่มน้ำคลองกลายจากฝีมือมนุษย์ด้วยก็เป็นได้

 

 

 

ไพฑูรย์ อินทศิลา/ สายัณห์ ศรีใหม่/ นครศรีธรรมราช
21 ธ.ค.2567

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) บุกโรงงาน 'หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์' ฝีมือจีน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนเปิดเที่ยวบิน 'เสิ่นหยาง-กรุงเทพฯ'หนุนท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค
"ซาบีดา" เปิดโครงการส่งเสริม สืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นจ.นครสวรรค์ "ต้นไม้วัฒนธรรมหลากสีแห่งเมืองสวรรค์" ปลูกพลังวัฒนธรรม สู่เมืองสวรรค์อย่างยั่งยืน
ตม.ประจวบฯ สานสัมพันธ์ จัดหางานจังหวัดฯ สวัสดีปีใหม่
ส่องลุคแฟชั่นผ้าไทยสไตล์ "ซาบีดา" สวมเสื้อแซว ทรงไทยจิตรลดา นุ่งมัดหมี่โฮล ราชินีแห่งผ้า อัตลักษณ์ประจำจังหวัดสุรินทร์
อบจ.ปทุมธานี เตรียมจัดงานใหญ่ รำลึกสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประจำปี 2568

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​