ทั้งนี้ พบว่าอาวุธปืนมีใบอนุญาต มีทะเบียนปืนถูกต้อง 4 กระบอก แต่ขนาด 9 มม. เป็นปืนผิดมือ คือ ชื่อเจ้าของปืนไม่ตรงกับผู้ครอบครอง 1 กระบอก ส่วนอาวุธปืนปืนยาว .22 ยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน 1 อัน ลูกปืน .22 จำนวน 61 นัด พบว่า ไม่มีใบอนุญาต ทางเจ้าหน้าได้ยึดไปตรวจสอบ และนำตัวนายสุเมธไปที่ สภ.ระเบาะไผ่ เพื่อแจ้งข้อกล้าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต” และฝากขังต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีต่อไป

ขณะที่นายสุเมธ กล่าวว่า ตนเองไม่ทราบเหตุผลที่ตำรวจมาตรวจค้น และเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะตนเองก็อยู่ในฝ่ายที่ต่อสู้กับเรื่องเหล่านี้มาตลอด และถือเป็นเรื่องดีที่มีการตรวจค้น เพราะตนเองจะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย ส่วนเรื่องอาวุธปืน ยืนยันว่าเป็นการมีอาวุธตามปกติ มีทะเบียนพร้อม อยู่ในบ้านและในห้อง ปืนเป็นของพี่ชายและของพ่อ และเชื่อว่าการเข้าตรวจค้นคงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองท้องถิ่น แต่มองว่าเกี่ยวข้องกับคนจีนเถื่อนกับเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ตนเองขับเคลื่อนการต่อต้าน อีกทั้งไม่ได้กังวลว่าจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับคดีที่เกิดขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฏิบัติต่อเราอย่างดีมากในการเข้าตรวจค้น และตรวจค้นอย่างสุภาพ ชี้แจงสิทธิทั้งหมด

ส่วนเรื่อง โกทร กับ สจ.โต้งนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า เคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัว และยอมรับว่า รู้สึกกังวลในการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปราจีนบุรี ว่าจะเกิดกับทีมงานของตนเองหรือไม่ หลังเกิดความรุนแรง แต่หวังว่าพวกเราจะปลอดภัยในการหาเสียง เพราะเราไม่ได้มีข้อขัดแย้งกับคนอื่น สิ่งที่ทำคือนโยบายที่มาจากประชาชน “เราใช้นโยบายในการต่อสู้ ไม่ได้ใช้อิทธิพล ไม่ได้ใช้เงินแจก” พร้อมฝากสื่อสารด้วยว่า พรรคประชาชน ต่อสู้ด้วยนโยบายและเรื่องของการจะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งครั้งนี้โปร่งใสและสุจริตมากที่สุด และไม่ได้มองว่าการเข้าตรวจค้นเป็นการถูกกลั่นแกล้งจากฝ่ายการเมือง

ทั้งนี้ในการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปราจีนบุรีที่กำลังจะถึงนี้ นายสุเมธ ยังเป็นผู้บริหารในการจัดส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นนายก อบจ. และ สจ.

มีรายงานเพิ่มเติมว่านายสุเมธเคยมีประเด็นพฤติกรรมเอื้อผลประโยชน์ ประเด็นซื้อขายที่ดินให้กับโรงงานบ่อกำจัดขยะ และเป็นผู้นำผู้เสียหายคดีคุกคามทางเพศของนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาไปพบกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลในขณะนั้น