ความเคลื่อนไหวหลังจากที่ พล.ต.ท.ดาโต๊ะ มูฮัมหมัด ยูโซฟ บินมามะ ผู้บัญชาการตำรวจรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ได้ออกแถลงการณ์การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับการเดินทางเข้าออก ระหว่างไทยกับมาเลเซียอย่างผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเริ่มมีการกวดขันจับกุมในวันที่ 1 ธันวาคม ผู้ฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุม และปรับเป็นเงินคนละ 10,000 ริงกิต หรือ คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 70,000 บาท หรือจำคุก 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

ล่าสุด จากการตรวจสอบ ตามช่องทางข้ามธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน 6 ท่า คือ ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนท่าโรงเลื่อย ชุมชนท่าชมพู ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง ชุมชนท่าประปา และชุมชนท่าบือเร็ง พบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซีย ได้ถูกส่งตัวมาปฏิบัติหน้าที่ตามช่องทางข้ามธรรมชาติ ทั้ง 6 ช่องทาง ของเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอำเภอสุไหงโก-ลก รวมทั้งได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ทำการลาดตระเวนในการตรวจสอบบุคคล ตามเส้นทางที่มุ่งหน้ามาจากช่องทางข้ามธรรมชาติ

โดยพบว่าเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนประเทศมาเลเซีย ได้จับกุมผู้ฝ่าฝืน จำนวน 4 คน เป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และคนไทย 2 คน อายุระหว่าง 35 – 40 ปี ซึ่งถือว่าเป็นคนกลุ่มแรก หลังจากประเทศมาเลเซียออกกฎเหล็กนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัว เพื่อดำเนินการสอบสวนเพิ่มเติม ถึงแรงจูงใจในการข้ามแม่น้ำอย่างผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง

ในส่วนของช่องทางข้ามธรรมชาติ ซึ่งเป็นจุดผ่อนปรน 6 ช่องทาง ด้านอำเภอสุไหงโก-ลก และฝั่งตรงข้ามของเมืองรันตูปันยัง รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 2 ฟากฝั่ง ยังมีการเปิดบริการเรือโดยสารรับจ้างตามปกติ ในช่วง 3 เวลา คือ ช่วงที่ 1.เวลา 06.00 น. – 09.00 น. / ช่วงที่ 2. เวลา 11.00 น. – 14.00 น. / และช่วงที่ 3. เวลา 17.00 น. – 02.00 น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ขับเรือโดยสารรับจ้างทั้ง 2 ฟากฝั่ง ไม่รับประกันถึงความปลอดภัย เพราะอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน และเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบของประเทศมาเลเซีย จับกุมได้ ส่งผลให้การใช้บริการเรือจ้างซบเซาไปโดยปริยาย