“เอ็ม อภิดิศร์” ฟ้องหมิ่น-เรียก 5 ล้านบาท “ดาราสาว”  หลังศาลฯยกฟ้องคดีวางยาข่มขืน

“เอ็ม อภิดิศร์” ฟ้องหมิ่นประมาท ดาราสาวคู่กรณี หลังศาลอาญายกฟ้องคดีวางยาข่มขืน เรียก 5 ล้านบาท ชี้ดาราสาวให้สัมภาษณ์ใส่ร้ายต่อสื่อมวลชน หลายครั้งด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ต้องการให้สังคมเข้าใจผิดและมองว่าตนเองมีพฤติกรรมเลวทราม ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง 3 ก.พ.ปีหน้า

“เอ็ม อภิดิศร์” ฟ้องหมิ่น-เรียก 5 ล้านบาท “ดาราสาว”  หลังศาลฯยกฟ้องคดีวางยาข่มขืน – Top News รายงาน

เอ็ม อภิดิศร์

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ศาลอาญาฯ นาย อภิดิศร์ หรือเอ็ม อินทุลักษณ์ นักธุรกิจ ซึ่งศาลยกฟ้องคดีข่มขืนดาราสาว ส่งทนายความผู้รับมอบอำนาจเดินทางเข้ายื่นฟ้อง อดีตดาราสาวชื่อย่อ ณ. ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท

คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า โจทก์เคยเป็นซีอีโอและประธานบริษัท Aphi Enterprise ซึ่งประกอบธุรกิจหลายอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจนำเข้าศิลปินเกาหลีมาจัดคอนเสิร์ตในประเทศไทย รวมถึงการติดต่อธุรกิจอื่น ๆ เกี่ยวกับประเทศเกาหลีใต้ และธุรกิจนำเข้าที่จอดรถเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมันจำเลยเป็นนักแสดงอิสระ ซึ่งได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโจทก์ ในฐานความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราและอื่น ๆ จนกระทั่งศาลนี้ ได้มีคำพิพากษา ยกฟ้องโจทกในคดีนี้ ไม่มีความผิด

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565 จนถึงปัจจุบัน จำเลยได้กระทำความผิดอาญา อันเป็นความผิดหลายกรรม โดยใส่ความโจทก์ต่อ บุคคลที่สามโดยการโฆษณาด้วยการให้สัมภาษณ์ในการออกรายการโหนกระแส ที่สัมภาษณ์สอบถามจำเลยเกี่ยวกับคดีระหว่างโจทก์กับจำเลย ที่ได้ร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ซึ่งเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป โดยข้อความที่จำเลยอธิบายต่อพิธีกรในรายการ ทำให้บุคคลที่สามหรือประชาชนทั่วไปเข้าใจได้ว่า โจทก์ล่อลวงให้จำเลยไปสถานที่แห่งหนึ่ง และมอมเมาด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และล่วงละเมิดทางเพศแก่จำเลย

ต่อมา วันที่ 29 ส.ค. จำเลยยังได้ให้สัมภาษณ์ สื่อสำนักต่างๆ เกี่ยวกับคดีที่จำเลยเป็นเสียหายร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์ฐานข่มขืนกระทำชำเรา ในทำนองว่าโจทก์กล่าวหาจำเลยแบล็กเมลโจทก์(เพื่อเรียกเอาผลประโยชน์ แลกกับการเปิดเผยความลับหรือทำให้เสียหายเดือดร้อน) และแสดงให้เห็นว่า จำเลยไม่ได้กล่าวหาโจทก์ เรื่องการข่มขืนแต่เพราะหลักฐานที่จำเลยมีถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงให้โจทก์ได้เปรียบ อันเป็นการสร้างภาพให้โจทก์เป็นคนร้ายในสายตาประชาชนทั่วไป

วันที่ 6 ก.ย.2565 จำเลยให้สัมภาษณ์ รายการโหนกระแส ที่สัมภาษณ์สอบถามจำเลยเกี่ยวกับคดีระหว่างโจทก์กับจำเลย โดยก่อนก่อนหน้านั้นในวันที่ 5 ก.ย.2565 ศาลอาญานัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโจทก์ในคดีข่มขืนจำเลย ระหว่างโจทก์และจำเลยในคดีนี้ ซึ่งโจทก์ได้นำเสนอคลิปวีดีโอการพูดคุยระหว่างโจทก์และจำเลยเสนอต่อศาล และจำเลยก็ทราบคลิปวีดีโอดังกล่าวดี แต่กลับพูดออกกาศในในทำนองว่า “โจทก์นำคลิปแอบถ่ายไปเปิดในศาล” อันเป็นการสื่อสารประชาชนทั่วไปให้เข้าใจว่าเป็นคลิปแอบถ่ายในเชิงอนาจาร จำเลยยังได้ให้สัมภาษณ์ในรายการต่อไปด้วยข้อความที่เป็นการสื่อสารให้บุคบุคคลที่สามหรือประชาชนทั่วไปรับรู้ว่าโจทก์ได้ทำการข่มขืนจำเลยด้วยการวางยา

จากพฤติกรรมของจำเลยดังกล่าวข้างต้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าข้อความที่พูดออกไป จะต้องสร้างความเสียหายแก่โจทก์ต่อบุคคลที่สามที่สามารถเข้าถึงได้ และต่อมาผู้สื่อข่าวและนักข่าวอิสระต่าง ๆ ได้นำภาพและเสียงการให้สัมภาษณ์ไปโฆษณาเผยแพร่ตามสื่อต่าง ๆ ในโลกโซเชียลมีเดียซึ่งประชาชนทั่วไปเข้าถึงได้อีกหลายแห่งในแอ
ปลิเคชั่นเฟซบุ๊ก, แอปพลิเคชั่นยูทูบ และ ติ๊กต๊อก

ตามเจตนาดังกล่าวของจำเลย อันเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา รายละเอียดปรากฏตามเสียงและภาพเคลื่อนไหว การกระทำดังกล่าวของจำเลยฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของโจทก์ เป็นที่เสียหายแก่ทางทำมาหาได้ หรือทางเจริญก้าวหน้าของโจทก์ โดยที่รู้อยู่แล้วว่า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง และเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของโจทก์ ทำให้โจทก์ซึ่งประกอบธุรกิจส่วนตัว และเป็นธุรกิจที่เกี่ยวพันกับผู้คนจำนวนมาก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ และต้องอาศัยความน่าเชื่อถือ ไว้ใจ หรือแม้กระทั่งความประพฤติในทางศีลธรรมจรรยา ซึ่งเป็นงานที่ต้องพบปะผู้คนเป็นจำนวนมาก อีกทั้งบุคคลทั่วไปรู้จักโจทก์ดี และทราบว่าโจทก์เป็นบุคลในแวดวงสังคมทางธุรกิจ และการเมือง การกระทำดังกล่าวของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับผลกระทบเสียหาย เพราะมิใช่ การติชมโดยสุจริตหรือเพื่อปกป้องสิทธิของตนโดยชอบ และไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะอ้างเพื่อให้ พันความรับผิดได้

อีกทั้ง เป็นเรื่องส่วนบุคคลไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมในภาพรวมเพราะเพราะศาลไม่ได้พิพากษาว่าโจทก์กระทำผิดจริง จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเงินจำนวน 5ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย โดยศาลรับคำฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.3378/2567 เเละนัดไต่สวนมูลฟ้อง 3 ก.พ. 2568

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สวธ. จัดประกวด Cosplay World Thailand 2025 หนุนคนรุ่นใหม่ แสดงพลัง Soft Power ผ่านศิลปะไทยประยุกต์ ต่อยอดสู่อาชีพในอนาคต
หลายหน่วยงาน เข้าช่วยเหลือ เด็กออทิสติก หลังแม่ผูกคอหนีปัญหาหนี้สิน ก่อนฟื้นคืนชีพต่อหน้าเจ้าหน้าที่
ด่านผ่านแดนถาวรบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว เงียบเหงา คนกัมพูชาทำงานในไทยรอดูสถานการณ์หลังไทยผ่อนปรน
"กรมบังคับคดี" ร่วมงานมหกรรมการเงินหาดใหญ่ MONEY EXPO 2025 เดินหน้าจัดงานไกล่เกลี่ยหนี้ ช่วยประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเป็นธรรม
"นิพนธ์" สวนเดือดผู้บริหารปชป. ลั่นเลือดแท้รับได้มติพรรค แต่รับไม่ได้พวกใช้อำนาจสั่ง ขู่ไล่คน เพื่อบังคับยัดเยียด ยอมรับมติโจร
RBSO ร่วมกับ สวธ. จัดการแสดงคอนเสิร์ต Royal Concert “A Celebration of Thai Masters” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี
"วิโรจน์" หยันสุด "พิชัย" บินเจรจาภาษีการค้าสหรัฐไร้ข้อสรุป หยันเหมือนมวยโดนจระเข้ฟาดหาง จะฟื้นตัวทันเดดไลน์หรือไม่
ปิดประตูตีมาร! หยุดอนุญาตธุรกิจรักษ์โลกจอมปลอม ปูพรม ฟาดรีไซเคิล EEC เถื่อน
ลือ ! เปิดชายแดนหาดเล็ก 7 หรือ 10 กรกฎาคมนี้
"เอกนัฏ" เอาจริง จัดการบริษัทลักลอบนำกากอุตสาหกรรมม ไปฝั่งใต้ดินในพื้นที่โซน EEC

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น