“ตั้ม” ลั่น ไม่ได้ติด GPS “รถเจ๊อ้อย” เพจดังสวนยับ “เมีย” ล็อคอิน-เช็คตำแหน่งให้

“ตั้ม”ลั่น ไม่ได้ติด GPS “รถเจ๊อ้อย” เพจดังสวนยับ “เมีย” ล็อคอิน-เช็คตำแหน่งให้

Top news รายงาน ดูท่าจะไปต่อลำบากซะแล้ว หลังมีข้อมูลใหม่มาขยี้แผล “ทนายตั้ม” ษิทรา เบี้ยบังเกิด คู่กรณีเจ๊อ้อย ทั้งเรื่องแก้ไขพินัยกรรม ตั้งตัวเป็นผู้จัดการมรดก แถมยังถูกเปิดโปงด้วยว่า แอบติด GPS รถเบนซ์ของเจ๊อ้อย มิหนำซ้ำ ยังชวนเจ๊อ้อย ไปในที่ที่ไม่มีสัญญาณ GPS อีกด้วย แต่เจ๊อ้อยไหวตัวทัน รอดมาได้ทุกครั้ง

แต่ดูเหมือนว่า “ทนายตั้ม” จะดิ้นจนเฮือกสุดท้าย ใช้วิทยายุทธ์ทั้งหมดที่มี พยายามพลิกสถานการณ์ โดยล่าสุด ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ ทนายตั้ม เดินทางเข้าเยี่ยมลูกความเป็นครั้งแรก ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก่อนเผยต่อทีมข่าวว่า กระแสข่าวที่ทนายตั้มได้ทำพินัยกรรม ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกของเจ๊อ้อย ตนไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ในกรณีนี้ แต่ยอมรับว่า มีการพูดคุยสอบถามในประเด็นนี้ กับทนายตั้มจริง ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า พินัยกรรมอันเก่าได้มีการทำลายไปแล้ว และการยกเลิกก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร ทนายสายหยุด บอกว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ๊อ้อยและทนายตั้ม ตนไม่ทราบ ส่วนเรื่องที่มีการอ้างว่า ทนายตั้มติด GPS ในรถของเจ๊อ้อย ทนายตั้มปฏิเสธว่า ไม่ได้ติด

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ไม่ทันข้ามวัน เพจกูอิแฉ บวกหมดไม่สนใคร ออกมาสวนกลับทันที โดยมีการเปิดข้อมูลใหม่ที่ทำให้ชาวเน็ตตกใจกันทั้งโซเชียล โดยระบุว่า เรื่องนี้ต้องขยาย คนที่เข้าระบบ เปิดสัญญาณคือ “เมียตั้ม” จากที่ช่อง 8 นำเสนอ คาดว่าจุดที่ติดตั้งมี 3 จุด คือ 1.หลังเรือนไมล์ 2.หลังวิทยุ 3.คอนโซลฝั่งซ้ายมือคนขับ ซึ่งทั้ง 3 จุด สามารถเชื่อมต่อกับไฟแบตเตอร์รี่ ทำให้ GPS สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง และอีตัวที่ล๊อคอิน เข้าเช็คตำแหน่งพี่อ้อยได้ ก็คือเมียตั้ม เรื่องนี้จะมีการเกี่ยวกันกับเรื่องการตั้งทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดกใช่หรือไม่ ซึ่งข้อเท็จจริงเรื่องนี้ต้องรอการตรวจสอบจากตำรวจให้ชัดเจนอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ทนายสายหยุด เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า ภรรยาของทนายตั้ม ไม่เคยรับรู้พฤติกรรมของสามี มีเพียงแค่ข้อตกลงร่วมกันในตอนแต่งงานว่า ทรัพย์สินทุกอย่างจะต้องเป็นชื่อของภรรยาเท่านั้น แต่ไม่รู้ว่าเงินที่ได้มา มาจากการกระทำความผิดหรือไม่

 

 

ไม่รู้ว่าใครพูดจริง หรือใครโกหกกันแน่ แต่ที่แน่ๆ “เจ๊อ้อย” มาแล้ว เช้าวันนี้เดินทางมาเข้าพบตำรวจ โดย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่าได้เชิญ นางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ “เจ๊อ้อย” มาให้ปากคำเพิ่มเติม ที่กองบังคับการปราบปราม โดยเน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์ ในคดีปมเงิน 71 ล้านบาท

สำหรับประเด็นเรื่องพินัยกรรม พล.ต.ต.สุวัฒน์ ระบุว่า ในแนวทางการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในวันนี้ อาจมีการสอบถามเพิ่มเติมว่า พินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่ ทั้งนี้ การเชิญให้ปากคำวันนี้ มีเพียงเจ๊อ้อยที่ตำรวจนัดหมายมาเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งนัดหมายไว้ตอนเวลา 10.00 น.

 

ต่อมาเวลา 10.15 น. เจ๊อ้อย พร้อมผู้ติดตามอีก 3 คน เดินทางมาถึงกองปราบ โดยเข้าทางด้านหลังของอาคาร ผ่านลานจอดรถชั้น 2 ก่อนเข้าสู่ห้องพนักงานสอบสวน ซึ่งตัวของเจ๊อ้อยปรากฎตัวในชุดแจ็คเก็ตสีขาว และหมวกสีชมพู ขณะที่ผู้ติดตาม 3 คน ถือถุงอาหารจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าเตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง เมื่อมาถึง เจ๊อ้อย ได้รับการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าตัวโบกมือและสวัสดีทักทายสื่อมวลชนที่รออยู่ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ก่อนจะเดินเข้าสู่ห้องสอบสวนทันที

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เบนซ์ เรสซิ่ง" แจ้งจับมือดีตัดต่อคลิป ชักชวนเล่นพนัน
ตร.จ่อแจ้ง 2 ข้อหาหนัก "ผอ.รพ." เมาซิ่งชน "2 ผู้ช่วยช่างภาพทีวี" เจ็บสาหัส
"เครือข่ายปชช." ยื่นหนังสือถึงกองทัพ ก่อนประชุม GBC แนะเจรจาปมเขตแดนก่อน ขอรบ.ยึดมั่นประโยชน์ประเทศ
ไฟไหม้ตลาดเสื้อผ้าชื่อดังกลางเมืองหลวงจอร์เจีย
“พล.ท.นันทเดช” ชี้กฎกรรมเริ่มทำงาน คนผิดไม่มีทางหลุดพ้น เชื่อไม่รอดถึงตั้งกาสิโน
ปชช.หลั่งไหลวัดโสธรพาครอบครัวขอพรวันแรงงาน
ผู้การแปดริ้ว มอบใบประกาศเกียรติการปฏิบัติงานดีเด่นด้านงานปราบปรามสถานีตำรวจภูธรแสนภูดาษ
อนุ กมธ.การเงิน การคลัง เสนอแนวทางแก้ไขปัญหารายได้การยาสูบแห่งประเทศไทยตกต่ำ เหตุซื้อภายในประเทศมีการผูกขาด
กรมควบคุมโรคเตือน! เฝ้าระวังติดเชื้อ "แอนแทรกซ์" หลังคร่าชีวิตชาวมุกดาหาร 1 ราย เจอกลุ่มเสี่ยงอีก 247 คน
“สมศักดิ์” จ่อฟันโทษ "ผอ.รพ.ชัยภูมิ" เมาแล้วขับชนสื่อ ชี้ผิดร้ายแรง ทำเป็นคดีตัวอย่าง สั่งดูแลคนเจ็บเต็มที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น