ข่าวที่น่าสนใจ
นายอนุทิน ระบุว่า สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า คือความสำเร็จจากการบูรณาการความร่วมมือ ระหว่างฝ่ายตำรวจ และฝ่ายปกครอง เราสามารถจับกุมยาเสพติด ซึ่งเป็นยาบ้า จำนวน 7 ล้านเม็ด แม้ผู้ค้าจะหนีไปได้ในตอนแรก แต่ที่สุด ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่ สามารถตามจับกุมตัวมาได้ที่จังหวัดอุดรธานี
“ยาบ้า 7 ล้านเม็ด มีมูลค่า 210 ล้านบาท นี่คือล็อตใหญ่ ที่ลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน เราต้องอาศัยการข่าว การติดตาม บวกทุกความร่วมมือ จนสามารถสกัดจับได้ ในที่สุด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่ได้รับการมอบหมาย ให้ดูแลในเรื่องของการป้องกัน และปราบปรามยาเสพติด ผมมาตรงนี้ เพื่อมานำคำขอบคุณจากรัฐบาล มามอบให้กับทุกท่าน ที่ทุ่มเท เสียสละ ในการปฏิบัติหน้าที่ ทุกเดือน เรามีการจับได้โดยตลอด ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง ถ้าใหญ่ คือ จังหวะที่ติดกับเพื่อนบ้าน หรือเป็นจังหวัดที่มีการพักสินค้า แน่นอนว่าเรามีความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการป้องกัน และปราบปราม โดยไม่มีการหวั่นเกรงต่ออิทธิพลใดๆ คนที่ยังค้ายาเสพติด วันนี้ รอดพ้นการจับกุม วันหน้า ก็ต้องหนี เพราะเราขยายผล ทลายทั้งเครือข่าย วันหนึ่ง ชื่อของท่าน ต้องมาอยู่ในเรดาร์ ยาเสพติดพวกนี้ ถ้าเข้าไปถึงมือผู้เสพ จะทำลายอนาคตของคน ทำลายครอบครัว ที่จะตกเป็นทาสยาเสพติด ซึ่งรัฐบาลยอมไม่ได้ เจ้าหน้าที่ทุกท่านปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ต้องขอขอบคุณความทุ่มเทของทุกท่าน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจับกุมยาบ้าล็อตนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ผ่านมา นายอำเภอบุ่งคล้า/ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอบุ่งคล้า ร่วมกับฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ตำรวจ ได้ร่วมกันตรวจยึดยาบ้า จำนวน 16 กระสอบ ที่อยู่บนรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ 4 ประตู สีเขียว-ดำ ทะเบียน 1 ขฮ 7300 กรุงเทพมหานคร หลังขับรถมาพบ ตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน ขณะกำลังออกตรวจตามหารถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่สูญหาย ด้วยความกลัว คนขับรถกระบะตัดสินใจทิ้งรถ จากการตรวจสอบ พบยาเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 16 กระสอบ หรือประมาณ 7,000,000 เม็ด ส่วนผู้ต้องสงสัยที่หลบหนี ถูกจับกุมได้ในเวลาต่อมา ทราบชื่อ คือ นายธีรเดช อายุ 32 ปี จากนี้ จะมีการจับกุมขยายผลดำเนินคดีกับแก๊งยาเสพติด และอายัดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
