No data was found

15 ปีรัฐประหาร ทักษิณ “ทำชั่ว” สร้าง “กรรมเลว” อย่างไร จึงถูกยึดอำนาจ 19 ก.ย. 2549

กดติดตาม TOP NEWS

ย้อนอดีต 15 ปี รัฐประหาร มูลเหตุรับไม่ได้หมิ่นสถาบัน ทำคนไทยแตกแยก โคตรโกงสารพัด ซุกหุ้นเลี่ยงภาษี แทรกแซงองค์กรอิสระ-คุมศาล เผด็จการรัฐสภา ทุนนิยมสามานย์ สุดท้ายถูกพล.อ.สนธินำผบ.เหล่าทัพ เตรียมทหารรุ่น 6 ยึดอำนาจ หลุดเก้าอี้สร.1 ระหว่างบินไปประชุมที่สหประชาชาติ

19 ก.ย.2564 ย้อนกลับไปวันนี้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว ถือว่าเป็นวันประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทย หลัง “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.ในขณะนั้นพร้อมผบ.เหล่าทัพประกอบด้วย “ครูอุ๊” พล.ร.อ.สถิรพันธ์ เกยานนท์ ผบ.ทร. “บิ๊กต๋อย” พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก ผบ.ทอ. นำกำลังทหารเข้าทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (อดีตนายกฯ คนที่ 23 ) โดยอาศัยจังหวะนายทักษิณเดินทางไปปฏิบัติภารกิจที่สหรัฐ เข้าทำการยึดอำนาจรัฐบาล ในนามคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.)

การรัฐประหารคราวนี้ได้รับการขนานนามพูดถึงว่าเป็นรัฐประหารสีขาวปฏิวัติดอกไม้ยึดอำนาจดอกกุหลาบ เพราะหลังพล.อ.สนธินำกำลังทหารก่อเหตุยึดอำนาจแล้วเสร็จมีประชาชนจำนวนมากออกมามอบดอกไม้มอบดอกกุหลาบให้กับทหารที่อยู่ในรถถัง ที่อยู่ประจำจุดต่างๆ หลังเข้ามายึดอำนาจจากนายทักษิณ โดยไม่มีการบาดเจ็บล้มตายหรือเสียเลือดสีเนื้อของทั้งสองฝ่ายแม้แต่หยดเดียว

สาเหตุสำคัญของการตัดสินใจยึดอำนาจจากนายทักษิณในตอนนั้น พล.อ.สนธิระบุการกระทำความชั่วและสร้างกรรมเลวของนายทักษิณ แบ่งออกเป็น 4 ประเด็นใหญ่ๆด้วยกันประกอบด้วย 1. ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง แบ่งฝ่ายสลายความรู้รักสามัคคีของชนในชาติ อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนให้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ต่างฝ่ายต่างมุ่งหวังเอาชนะ ด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ และมีแนวโน้มนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น 2.ประชาชนส่วนใหญ่ เคลือบแคลงสงสัย การบริหารราชการแผ่นดิน อันส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบอย่างกว้างขวาง 3.หน่วยงานและองค์กรอิสระถูกครอบงำทางการเมือง ไม่สามารถสนองตอบเจตนารมณ์ ตามที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเกิดปัญหาและอุปสรรคหลายประการ 4. มีการกระทำหมิ่นเหม่ ต่อการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพแห่งองค์พระมหากษัตริย์ ผู้ทรงเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอยู่บ่อยครั้ง

” แม้หลายภาคส่วนของสังคม จะได้พยายามประนีประนอม คลี่คลายสถานการณ์มาโดยต่อเนื่องแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งยุติลงได้ ดังนั้นคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขซึ่งประกอบด้วยผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงมีความจำเป็นต้องยึดอำนาจการปกครองแผ่นดิน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ” แถลงการณ์ของคปค.ฉบับแรก ที่ออกหลังการยึดอำนาจในเวลา 23.50 น. ระบุ

องค์ประกอบของคณะรัฐประหารในตอนนั้น ช่วงแรกที่มานั่งโต๊ะแถลงยึดอำนาจทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจมี 5 คน คือ 1.พล.อ.สนธิ หัวหน้าคปค. , 2. พล.ร.อ.สถิรพันธ์ รองหัวหน้าคปค.คนที่1 , 3.พล.อ.อ.ชลิต รองหัวหน้าคปค.คนที่ 2 , 4.พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. รองหัวหน้าคปค.คนที่ 3 , และ 5.พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด ประธานที่ปรึกษาคปค. นอกจากนี้ยังมี “บิ๊กตุ่น” พล.อ. วินัย ภัททิยกุล เลขาธิการสภาความั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เลขาธิการคปค.อีกคน แต่ตอนแถลงข่าวยึดอำนาจไม่ได้มานั่งร่วมวงศ์ไพบูลย์ด้วย ในความจริงพล.อ.เรืองโรจน์กับพล.ต.อ.โกวิทอยู่ฝ่ายนายทักษิณ และทั้งคู่ก็ถูกนายทักษิณสั่งให้ตั้งกองบัญชาการต้านปฏิวัติที่กองบัญชาการทหารสูงสุด (แจ้งวัฒนะ)เพื่้อสนับสนุนสรรพกำลังทั้งหมดให้กับ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกฯ แต่เมื่อรู้ว่านายทักษิณพ่ายแพ้ พล.อ.เรืองโรจน์กับพล.ต.อ.โกวิทก็ยอมเข้ามาร่วมแถลงกับพล.อ.สนธิเพื่อให้คณะรัฐประหารดูเป็นปึกแผ่นแต่จริงๆแล้วอยู่คนละขั้วเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน

ถัดจากนั้นมา 10 วัน 29 ก.ย.2549 คปค.ประกาศปรับโครงสร้างใหม่ ประกอบด้วย 1.พล.อ. สนธิ เป็นหัวหน้าคปค. 2.พล.ร.อ.สถิรพันธ์ สมาชิกคปค. 3.พล.อ.อ.ชลิต สมาชิกคปค. 4.พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ (ผบ.ทหารสูงสุดคนใหม่) สมาชิกคปค. 5.พล.ต.อ.โกวิท สมาชิกคปค. 6.พล.อ.วินัย เลขาธิการคปค. 7. “บิ๊กพรั่ง” พล.ท. สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยเลขาฯคปค. 8. “บิ๊กป็อก” พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้ช่วยเลขาฯคปค. จะเห็นได้ว่าในบรรดา 8 อรหันต์คปค.นั้น 6 คนที่เป็นคีย์แมนล้วนเป็นเพื่อนร่วมเตรียมทหารรุ่น 6 (ตท.6) จะมีแค่ 2 คนเท่านั้นที่เป็นรุ่นน้องคือ พล.อ.สพรั่ง ตท.7 ซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 และ พล.อ.อนุพงษ์ ตท.9 ซึ่งเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 1

ย้อนอดีตกลับไปดูพฤติกรรมและพฤติการณ์ของนายทักษิณ ซึ่งเป็นที่มาที่ไปและเป็นเหตุผลหลักนำไปสู่การรัฐประหารของพล.อ.สนธิกับคณะ พ.ศ.2544 นายทักษิณถูกล่าวหาในคดีซุกหุ้น ในสมัยที่รับตำแหน่งนายกฯสมัยแรกหลังก่อตั้งพรรคไทยรักไทยและชนะการเลือกตั้ง ตอนนั้นทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่านายทักษิณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จงใจปกปิดความเป็นเจ้าของหุ้น โดยการโอนหุ้นที่มีอยู่ไปให้คนรับใช้ คนรถ และ คนสวนถือหุ้นแทน เรื่องนี้ถูกสื่อทุกแขนงเสนอเป็นข่าวใหญ่โตในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ทีวี วิทยุ ทุกวัน ก่อนที่ 3 ส.ค. 2544 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 7 ให้ว่านายทักษิณไม่ได้มีเจตนาซุกหุ้น ประเด็นนี้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญเรื่อยไปจนถึงองค์กรอิสระอื่นๆ อย่างกว้างขวาง ว่านายทักษิณแทรกแซงศาลยึดองค์กรอิสระต่างๆหมดแล้ว ต่อมามีการร้องนำไปสู่การสอบสวนการทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ท้ายสุด 4 คน ถูกถอดถอนในเวลาต่อมา

ถัดมา 6 ก.พ.2548 นายทักษิณนำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลาย ชนิดแลนด์สไลด์ ได้ส.ส.ทั่วประเทศมา 377 คน เรียกว่ากินรวบทั้งประเทศจากการที่คนติดใจสารพัดนโยบายประชานิยมที่ทำให้รากหญ้ารากแก้วติดใจ แต่เส้นทางนายกฯสมัยที่ 2 ของนายทักษิณไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะถูกตั้งข้อครหาถูกจับตาหลายเรื่องโดยเฉพาะการทุจริตเชิงนโยบายจากหลายโครงการ ช่วงปลายปี 2548 นายทักษิณถูกโจมตีอย่างหนักจากความผิดหลายเรื่องหลายกรณี โดยคนที่เป็นหัวหอกสำคัญในการเปิดโปงความชั่วร้ายของนายสนธิในตอนนั้นก็คือ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของสื่อเครือผู้จัดการ ที่ตอนนั้นกำลังดังเป็นพลุแตกจากการเป็นผู้จัดรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” ทางช่อง 9 อสมท. เพราะนายสนธิได้นำข้อมูลลับบวกกับความไม่ชอบมาพากลของนายทักษิณและบริวารหลายเรื่องมาเปิดโปง จนทำให้รายการดังกระฉูดมีคนไทยติดตามจำนวนมาก กลางเดือนก.ย. ช่อง 9 อสมท. สั่งระงับการออกอากาศรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ของนายสนธิอย่างไม่มีกำหนด หลังอ่านบทความเรื่อง “ลูกแกะหลงทาง” โจมตีนายทักษิณที่พาดพิงสถาบัน

ฟางเส้นสุดท้ายเกิดขึ้นราวต้นปี 2549 เมื่อ 23 ม.ค. 2549 ตระกูลชินวัตรและดามาพงศ์ ตัดสินใจขายหุ้นในมือทั้งหมดของ บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ให้แก่บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ จำกัด ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ มูลค่ากว่า 73,271 ล้านบาท มีการออกมาเปิดเผยในภายหลังว่านายทักษิณและครอบครัวขายหุ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใช้อำนาจรัฐในมือแทรกแซงช่วยเหลือ สำคัญสุดคือขายแบบเลี่ยงภาษีไม่จ่ายเงินให้กับรัฐแม้แต่บาทเดียว ที่สุดนายสนธิพร้อมพวกประกอบด้วยพล.ต.จำลอง ศรีเมือง อดีตผู้ว่าฯกทม. นายพิภพ ธงไชย นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ฯลฯ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 จากนั้นก็เดินหน้าจัดกิจกรรมชุมนุมขับไล่นายทักษิณอย่างหนักหน่วงมาตลอด มีการเคลื่อนขบวนทำกิจกรรมหลากหลายรูปแบบอย่างต่อเนื่อง มีคนร่วมขบวนการออกมาขับไล่นายทักษิณระหว่างเดินขบวนหลายต่อหลายครั้งจำนวนหลายหมื่นคนช่วงพีคนับแสนคน สุดท้าย 24 ก.พ.2549 นายทักษิณทนกระแสกดดันไม่ไหวจึงประกาศยุบสภา พร้อมกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เม.ย. 2549 แต่นายทักษิณก็ยังเป็นนายกฯรักษาการและเป็นรัฐบาลรักษาการต่อไป

สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มพันธมิตร เพราะนายทักษิณและบริวารยังมีอำนาจ ที่สุดราวเดือนมี.ค.กลุ่มพันธมิตรก็เคลื่อนขบวนการปิดล้อมทำเนียบตั้งขอเรียกร้องให้นายทักษิณฯลาออกจากนายกฯรักษาการ แต่โทนี่ไม่ยอมการประท้วงจึงยืดเยื้อต่อไป รวมถึงนายทักษิณยังเดินหน้าจัดการเลือกตั้งอุปโลก 2 เม.ย.2549 ต่อไป ทั้งๆที่พรรคการเมืองใหญ่อย่าง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และ พรรคมหาชน ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านประกาศคว่ำบาตรการเลือกตั้ง ขณะที่ระหว่างการเข้าคูหาเลือกตั้งก็มีคนไทยบอยคอตจงใจฉีกบัตรเลือกตั้งจำนวนมาก แม้พรรคไทยรักไทยจะชนะการเลือกตั้ง แต่ต่อมาก็มีคนยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความการเลือกตั้งคราวนั้นที่สุดศาลก็ลงมติให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะเพราะเป็นการเลือกตั้งที่มิชอบด้วยกฎหมาย ต่อมาพรรคประชาธิปัตย์ยื่นเรื่องเอาผิดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กกต.ถูกพิพากษาต้องโทษจำคุก มีการสรรหากกต.ชุดใหม่ กำหนดวันเลือกตั้งใหม่เป็นวันที่ 15 ต.ค.2549 อย่างไรก็ตามก่อนถึงวันเลือกตั้งการเมืองเข้าสู่ช่วงพีคสุดๆ เกิดความวุ่นวายหลายเรื่อง หากกต.ไม่ได้ พันธมิตรชุมนุมหนักจัดกิจกรรมถี่ปราศรัยร้อนแรง ตอนนั้นเริ่มมีขบวนการชุดดำออกมาใช้อาวุธโจมตีกลุ่มพันธมิตร มีการขว้างระเบิดยิงกระสุนเอ็ม-79 ตกเข้ามาในทำเนียบที่ปักหลักของผู้ชุมนุม มีการจัดตั้งกองกำลังคนชุดดำเข้าไปป่วนไปก่อเหตุทำร้ายผู้ชุมนุม กลุ่มพันธมิตรเริ่มเรียกร้องให้ทหารออกมายึดอำนาจจากนายทักษิณ เพราะรัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้บ้านเมืองไปต่อไม่ไหว กระแสข่าวทหารยึดอำนาจรัฐประหารเริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆ มีนักข่าวไปสอบถามพล.อ.สนธิตลอดถึงเรื่องนี้ แต่บิ๊กบังก็ลับลวงพรางยืนยันว่า “ไม่มี ไม่คิด ไม่ทำ” ส่วนนายทักษิณก็เริ่มระแวงหลังๆบ่อยครั้งมักเรียกผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมครม.วันอังคารเพื่อเชคปฏิกิริยา

ล่วงเลยถึงเดือนก.ย. นายทักษิณมีคิวเดินทางไปต่างประเทศระหว่างวันที่ 10-21 ก.ย. 2549 เนื่องจากในช่วงวันที่ 17-21 ก.ย. มีคิวต้องเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ท่ามกลางกระแสข่าวทหารเตรียมปฏิวัติยึดอำนาจในช่วงนี้ แม้จะรู้ข่าวระแคะระคาย แต่นายทักษิณก็ไม่ปักใจเชื่อว่าพล.อ.สนธิจะกล้าทำ แม้จะสั่้งคนจับตาพล.อ.สนธิและเตรียมการไว้บ้างแล้วแต่ก็ไม่คิดว่าจะต้องใช้จริง เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าวัน ว. เวลา น. คือวันไหนและอย่างไร ช่วงเช้าของวันประวัติศาสตร์ นายทักษิณสั่งเรียกผบ.เหล่าทัพทุกคนเข้าประชุมครม. โดยที่ตัวเองจะใช้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์จากสหรัฐเข้ามาในที่ประชุมครม.เพื่อเชคชื่อและดูปฏิกิริยา เพียงแต่วันนั้นพล.อ.สนธิและผบ.เหล่าทัพทุกคนอ้างว่ามีธุระที่มีกำหนดการวางไว้ก่อนหน้าแล้ว เป็นงานใหญ่ส่งตัวแทนไปไม่ได้ จึงไม่ขอเข้าร่วมประชุมครม.แต่อย่างใด ก่อนที่ในช่วงค่ำของวันนั้น พล.อ.สนธิจะสั่งปฎิบัติลับลวงพรางยึดอำนาจจากนายทักษิณแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

เบื้องต้นชิงจังหวะลงมือก่อนหน้ากลุ่มพันธมิตรฯประกาศจะชุมใหญ่ที่ลานพระรูปในวันที่ 20 ก.ย.2549 ซึ่งฝ่ายสนับสนุนนายทักษิณก็เตรียมเคลื่อนมวลชนมาขับไล่ ประเด็นเรื่องการปะทะของคนไทย 2 กลุ่มจึงกลายเป็นตัวเร่งให้พล.อ.สนธิตัดสินใจลงมือยึดอำนาจ ใช้เวลา 21.39 วันที่ 9 เดือน 9 พ.ศ.2549 ปฏิบัติการเชือดนายทักษิณถอดรากเครือข่ายบริวาร จากนั้นในเวลา 22.54 น. ททท.ออกอากาศทางสถานีทุกช่อง ขึ้นคำประกาศของคปค. พร้อมขออภัยในความไม่สะดวก และเปิดเพลง “ความฝันอันสูงสุด” ประกอบ ด้านสถานีโทรทัศน์ชื่อดังทั่วโลก ซีเอ็นเอ็น บีบีซี สำนักข่าวดังอย่าง รอยเตอร์ เอเอฟพี อัลจาซีร่า ฯลฯ เผยแพร่ข่าวรถถังและกำลังทหารควบคุมสถานการณ์ภายในกรุงเทพฯ หลังจากนั้น พล.ต. ประพาศ ศกุนตนาค อดีตโฆษก ททบ.5 แต่เป็นโฆษกคณะรัฐประหารตลอดกาล อ่านแถลงการณ์คปค.ที่แสดงไว้ในหน้าจอทีวีซ้ำ 2 ครั้ง เป็นอันเสร็จสิ้นการยึดอำนาจจากนายทักษิณ

แม้อดีตนายกฯคนแดนไกลจะตั้งป้อมสู้ โดยในเวลา 22.15 น. พยายามออกแถลงการณ์ที่เตรียมไว้จากนิวส์ยอกสู้ผ่านทางช่อง 9 อสมท. ทั้งการออกประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินทั่วกรุงเทพ สั่งปลดพล.อ.สนธิพ้นผบ.ทบ. ตั้งพล.อ.เรืองโรจน์ขึ้นเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์สู้กับคณะรัฐประหาร แต่อ่านไปยังไม่จบครบความรายการก็ถูกตัดจอดำไป ก่อนที่คปค.จะอ่านแถลงการณ์ยึดอำนาจตัดจบความเป็นนายกฯบ้าอำนาจตัดทอนยุครัฐบาลโคตรโกงหยุดทุนนิยมสามานย์ แม้นายทักษิณพยายามอย่างยิ่งยวดในการตั้งบก.ต้านรัฐประหารสู้ปฏิวัติ แต่บรรดาเพื่อนตท.10 ที่เป็นกำลังสำคัญๆ เป็นมือไม้ของนายทักษิณ อย่าง “บิ๊กโอ๋”พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต ผช.ผบ.ทอ. , “บิ๊กโอ๋” พล.ต.พฤณฑ์ สุวรรณทัต ผบ.พล.1 รอ., “บิ๊กเมา” พล.ต.ศานิต พรหมาศ ผบ.พล.ม.2 , “บิ๊กปู” พล.ต.เรืองศักดิ์ ทองดี ผบ.พล.ปตอ., “บิ๊กหยอย” พล.ต.มนัส เปาริก รองแม่ทัพภาคที่ 3 , “บิ๊กเมธ.” พล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี ผบ.อย. ต่างถูกบล็อกถูกทหารหมวกแดงหมวกดำทหารรบพิเศษจัดการหมดแล้ว ที่สุดนายทักษิณก็ต้องยอมศิโรราบเป็นอดีตนายกฯประวัติศาสตร์ที่ถูกคณะนายทหารยึดอำนาจด้วยข้อหาความผิดร้ายแรงสารพัดเรื่อง อาทิ ซุกหุ้น เลี่ยงภาษี เผด็จการรัฐสภา แทรกแซงองค์กรอิสระ ศาล ทำให้บ้านเมืองแตกแยก และเรื่องที่คนไทยรับไม่ได้ที่สุดคือหมิ่นสถาบันอันเป็นที่รักและเทิดทูนของคนไทยหลายครั้งหลายกรณี

//////////////

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เกณิกา" เผย "กระทรวงดีอี" ไม่นิ่งเฉย เร่งปราบเว็บพนันออนไลน์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์
กระบะฝ่าไฟแดง พุ่งเสยรถจอดติดไฟแดง กลางเมืองศรีราชา พังเสียหาย 4 คันรวด
"ผู้การแต้ม" เตือน "บิ๊กโจ๊ก" ระวังทำผิดกม.เพิ่ม ย้ำรักษาการผบ.ตร. สั่งให้ออกจากราชการ ทำถูกกม.ทุกประการ
วงจรปิดจับชัด ลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" ปลดป้ายหน้าห้องทำงาน พร้อมขนของออกจากสำนักงาน
ร้อนทะลุ 42 องศาฯ "ควาญช้าง" เฝ้าระวัง อาบน้ำให้วันละ 8 ครั้ง กังวลช้างหงุดหงิด คลั่ง
"สันติสุข" ชี้ทำทีวีไม่ง่าย แบกรับต้นทุน ขอบคุณแฟนข่าว เจ้าของสินค้า นำพา Top News ทำหน้าที่สื่อต่อไป
บุกจับ "แก๊งพระ" ลอบล่าสัตว์ป่าภูเขียว พบหลักฐานแน่น ช็อกหนักมีรองเจ้าคณะจังหวัดร่วมด้วย
โฆษกภูมิใจไทย แจง "บี พุฒิพงษ์" ค้านดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเรื่องส่วนตัว เผย 1 ปีแล้วไม่เข้าร่วมกิจกรรมพรรค
ศาลพิพากษา ลงโทษปรับหนักผู้ต้องหาคดีหมูเถื่อนคนละ 8.6 ล้านบาท
อุกอาจ หนุ่ม Messenger ติดพนันออนไลน์ กระชากสร้อยต่อหน้ารถสายตรวจ สุดท้ายไม่รอด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น