“เสรีพิศุทธ์” เล่าอดีตสุดแค้นใจ โดน “พัชรวาท” ชิงเก้าอี้ ผบ.ตร.

ขึ้นชื่อว่า “วีรบุรุษนาแก” ผู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ให้กับใครหน้าไหน  ได้ดำเนินการ ยื่นต่อศาลปกครอง ฟ้องนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี สตช. ก.ตร. คณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับการร้องทุกข์ และสำนักงาน ก.ตร.  ซึ่งกินระยะเวลายาวนานถึง 6 ปี เพราะสู้กันตั้งแต่ชั้นต้นและชั้นสูงสุด พอชนะคดีก็ถึงเวลาเกษียณไม่มีโอกาสกลับมาเป็น ผบ.ตร.แล้ว ทั้งยังฟ้องกลับ นายสมัคร สุนทรเวช  ไม่ได้เพราะเสียชีวิตไปก่อนแล้ว

เรื่องของ ” บิ๊กโจ๊ก” กับเรื่องของ พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ต่างกันตรงที่ในวันนั้น พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เป็น ผบ.ตร. แล้ว และคู่ขัดแย้งโดยตรง ณ วันนั้นคือ นายสมัคร สุนทรเวช ส่วน ของ “บิ๊กโจ๊ก” ดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร. และมี แคนดิเดท อย่าง บิ๊กต่าย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็นคู่ขัดแย้ง

ซึ่ง พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ กล่าวอ้างว่า นายสมัคร รู้เห็นกับทาง พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ในการเอาตำแหน่งไปให้ ทั้งที่ความเป็นจริง พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เหลืออายุราชการอีกเพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น ถ้าหากรอตามขั้นตอนพิธีการ แน่นอนว่า พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ ก็ต้อง เกษียณราชการไปก่อน ซึ่งพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ มั่นใจว่า การสั่งย้ายเค้าในครั้งนี้ เพราะเหตุผลที่ พลตำรวจเอก พัชรวาท อยากจะเป็น ผบ.ตร. ประจวบเหมาะกับ พลตำรวจเอก พัชรวาท เป็นรุ่นน้องของ นายสมัคร ที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล มาก่อน ก็เลยเกิดเรื่องนี้ขึ้นมา

ซึ่งสมัยนู้นจริงๆแล้วกฎหมายมันต้องตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นมาก่อน แต่ถ้าตั้งจริงๆ 7 เดือนก็ไม่เสร็จ ซึ่งมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร ต่อมาก็ตั้งวินัยร้ายแรง และวันเดียวกันก็ให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ และอีกเดือนไม่ทันสอบ ก็ให้ออกจากราชการไว้ก่อน พอให้ออกก็เสนอโปรดเกล้าฯเลย