เละจากต้นทาง “คณบดี นิติศาสตร์” มธ. ลั่น 112 เป็นปัญหา สาธยายดึงสถาบันฯโยงการเมือง

เละจากต้นทาง "คณบดี นิติศาสตร์" มธ. ลั่น 112 เป็นปัญหา สาธยายดึงสถาบันฯโยงการเมือง

Top news รายงาน เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม เพจเฟสบุ๊กแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการกล่างปาฐกถาของ รศ.ดร.มุนินทร์ พงศาปาน คณบดี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในงาน 4 ปี 18 กรกฎา เมื่อประชาชนมารวมตัว ณ ห้อง ร.103 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดย รศ.ดร.มุนินทร์ กล่าวถึงประเด็นมาตรา 112 ตอนหนึ่งว่า เราต้องแยกแยะกันระหว่าง พระมหากษัตริย์เหนือการเมืองกับพระมหากษัตริย์เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญหรือองค์กรทางการเมืองออกจากกัน เพราะว่าในระบบกฎหมาย ระบบการเมือง เรามีองค์กรมีสถาบันทางการเมืองเยอะแยะมากมาย มีสถาบันศาล มีรัฐสภา มีคณะรัฐมนตรี เราต้องยอมรับว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็เป็นสถาบันตามรัฐธรรมนูญ เป็นสถาบันทางการเมือง ในแง่ของระบบทางการเมืองต้องบอกว่าพระมหากษัตริย์ทรงมีอำนาจตามรัฐธรรมนูญตามกฎหมาย แล้วมันเกี่ยวพันกับทางการเมือง เพราะต้องยอมรับว่าอำนาจในการตรากฎหมาย พระมหากษัตริย์ก็มีบทบาท เป็นองคาพยพหนึ่งในกระบวนการตราพระราชบัญญัติ แก้ไขรัฐธรรมนูญพระมหากษัตริก็เกี่ยว แล้วพระมหากษัตริก็ทรงมีพระราชอำนาจที่เกี่ยวข้องกับหลายๆเรื่อง ฉะนั้นเราจะปฏิเสธไม่ได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ใช่สถาบันทางการเมือง เราต้องยอมรับว่าเป็นสถาบันทางการเมืองและสถาบันในทางรัฐธรรมนูญ

 

 

รศ.ดร.มุนินทร์ กล่าวอีกว่า มันจะต่างกับสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งอยู่เหนือการเมือง การเมืองในแง่นั้นจะหมายถึงการเมืองในเรื่องของการช่วงชิงอำนาจทางการเมือง เพื่อให้ซึ่งมาอำนาจรัฐในการก่อตั้งรัฐบาล ในแง่นี้พระมหากษัตริย์ไม่ยุ่งเกี่ยวการแย่งชิงอำนาจของรัฐหรืออำนาจทางการเมือง ฉะนั้นพระมหากษัตริย์จะไม่ทำผิดในทางการเมืองในการแย่งชิงอำนาจอะไรต่างๆ เราจะมาฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ก็ไม่ได้ พระมหากษัตริย์ไม่มีความรับผิดชอบทางการเมือง เพราะฉะนั้นตนมองว่า การที่คนเสนอปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ มันคือการเสนอปฏิรูปสถาบันทางการเมือง มันเป็นเรื่องทางการเมือง มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองเช่นเดียวกัน เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง ก็ควรจะอยู่ในคำนิยามที่อยู่ในร่างพระราชบัญญัติหรืออยู่ในการพิจารณาของกรรมาธิการ หรือว่าจะเป็นการพิจารณาของสภาในอนาคต

 

คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวอีกว่า ตนคิดว่าเรื่องนี้เราต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะมีคนปฏิเสธอยู่ร่ำไปว่าเรื่องของ112 มันเป็นเรื่องการกล่าวร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย มันเป็นความรับผิดส่วนตัว มันเป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมือง เพราะพระมหากษัตริย์ไม่เกี่ยวกับการเมือง ตนคิดว่านักนิติศาสตร์และนักรัฐศาสตร์ก็ควรจะยอมรับให้ตรงกันในเรื่องนี้ว่า สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันตามรัฐธรรมนูญ เป็นส่วนหนึ่งของระบบกฎหมายและระบบการเมือง อย่างไรก็ตามตนย้อนกลับไป สิ่งแรกที่พูดว่า ถ้ารัฐมองว่าเรื่องของเงิน112 เป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด และเป็น 1 ในหัวใจของความขัดแย้งในเวลานี้ รัฐต้องหาเวทีจัดการปัญหานี้อย่างยั่งยืน นั่นหมายความว่ามันต้องมีเวทีที่มาพูดคุยกัน และไม่สามารถที่จะทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ เพราะเท่าที่ตนฟังจากความเห็นของนักการเมืองต่างๆ มองว่าเราไม่แตะเราไม่ยุ่ง นั่นหมายความว่าเรากำลังบอกว่ามันไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย โดยส่วนตัวมองว่ามันจะนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตข้างหน้า ซึ่งรอวันที่จะเกิดขึ้นอีก หรือปะทุขึ้นในอนาคต

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"จตุพร" เรียกร้องรัฐบาล รับผิดชอบปมชายแดนไทย-กัมพูชา หลังสูญเสียทหาร-ปชช. "พิชิต" แท็กทีม จี้ "นายกฯอิ๊งค์" พิจารณาตัว คุย "ฮุน เซน" คลิปเสียงหลุด
"ผอ.พยาบาลรามาฯ" โพสต์ประกาศ พร้อมรับลูกนายทหารสละชีพ เรียนพยาบาลโควตาพิเศษ ไม่ต้องสอบเข้า
"ผู้ว่าฯร.ฟ.ท." ยันตรวจสอบชัดเจน ปมเขากระโดง รออธิบดีกรมที่ดินคนใหม่เพิกถอนโฉนด
"รมว.ปุ๋ง" รุดให้กำลังใจผู้อพยพ เหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา ที่ศูนย์พักพิงโคราช กำชับเจ้าหน้าที่เพิ่มดูแลกลุ่มเปราะบาง พร้อมช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจ
วธ. จัดพิธีปล่อยขบวนรถศาสนิกสัมพันธ์ร่วมใจ ช่วยผู้ประสบอุทกภัย-ผู้ได้รับผลกระทบ เหตุความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา
"GULF" มอบเงิน 18 ล้าน หนุน รพ.จุฬาฯ จัดหาเทคโนโลยีส่องกล้องทำลายเนื้องอกตับอ่อนไร้แผล ให้สำเร็จเป็นแห่งแรกในอาเซียน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​