ศาลสูงบังกลาเทศ มีคำพิพากษา วันนี้ (21 ก.ค. ลดโควตางานในหน่วยงานของรัฐ ที่สงวนให้คนบางกลุ่ม จากร้อยละ 56 เหลือเพียงร้อยละ 7 โดยจำนวนนี้ร้อยละ 5 ให้เป็นโควตาของลูกหลานทหารผ่านศึก ในสงครามเรียกร้องเอกราชจากปากีสถาน ลดฮวบจากเดิมร้อยละ 30 อีกร้อยละ 2 ให้กับชนกลุ่มน้อยและผู้พิการ ที่เหลือร้อยละ 93 เปิดกว้างรับคนเข้าทำงานตามความสามารถ
รัฐบาลเคยสั่งยกเลิกระบบโควตานี้ในปี 2561 หลังเผชิญกับการประท้วงแบบเดียวกัน แต่ศาลชั้นต้น มีคำสั่งให้นำกลับมาใช้ใหม่เมื่อเดือนที่แล้ว โดยระบุเหตุผลว่า การยกเลิกขัดรัฐธรรมนูญ และกลายเป็นชนวนประท้วงครั้งใหญ่ตลอดเดือนนี้ เกิดความไม่พอใจโดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาวจบใหม่ที่ไม่มีงานทำ และมองว่าโควตางานภาครัฐถูกกันไว้ให้ครอบครัวของผู้จงรักภักดีกับรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ชีค ฮาสินา ผู้นำหญิงที่บริหารประเทศมานาน 14 ปี
เดิมนั้น ศาลสูงสุดนัดพิพากษา 7 สิงหาคมว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่ร่นกำหนดให้เร็วขึ้นเป็นวันที่ 21 กรกฎาคม หลังการประท้วงบานปลายเป็นเหตุนองเลือด มีผู้เสียชีวิตล่าสุด 151 ราย มีตำรวจรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีการเผาทำลายทรัพย์สินทางการ รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองหลวงจนไม่สามารถใช้งานได้
หลังศาลสูงสุดมีคำตัดสินแล้ว ยังไม่ชัดเจนนักว่า จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้หรือไม่ โฆษกคนหนึ่งของ “กลุ่มนักศึกษาต่อต้านการเลือกปฏิบัติ” แกนนำจัดประท้วง กล่าวว่า จะยังไม่ยกเลิกประท้วง จนกว่ารัฐบาลจะยกเลิกโควตาทั้งหมด และตอบสนองข้อเรียกร้องอื่น ๆ เช่นคืนความยุติธรรมให้กับผู้ประท้วงที่เสียชีวิต
เจ้าของธุรกิจคนหนึ่งในเมืองหลวง ที่ร่วมประท้วง บอกสำนักข่าว AFP ว่าการประท้วงไม่ใช่แค่เรื่องของนักศึกษาอีกต่อไป แต่พวกเขาต้องการให้รัฐบาลลาออก
ทหารบังกลาเทศยังตรึงกำลังและออกลาดตระเวนในเมืองต่าง ๆ หลังจากตำรวจคุมไม่อยู่ ระบบอินเทอร์เน็ตและเน็ตมือถือถูกตัดตั้งแต่วันพฤหัสบดี ไม่สามารถใช้สื่อสารได้เกือบทั่วประเทศ ด้าน รัฐมนตรีมหาดไทยบังกลาเทศ กล่าวว่า จะบังคับใช้เคอร์ฟิว ไปจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น