ฟันไม่เลี้ยง “พ.ต.ท.” เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดนสั่งสอบวินัยร้ายแรง-ให้ออกราชการ

ฟันไม่เลี้ยง "พ.ต.ท." เอี่ยวแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สั่งสอบวินัยร้ายแรง-ให้ออกราชการ

(20 กรกฎาคม 2567) จากกรณีที่ พ.ต.ท.บัณฑิต คนการ สารวัตรอำนวยการ สภ.หางดง ถูกออกหมายจับ กรณีพัวพันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และถูกชุดสืบสวนภาค 5 ตามจับกุมได้ระหว่างหนีไปบวชที่วัด ในพื้นที่ อ.งาว จ.ลำปาง / ภายหลังจับกุมตัว เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวกลับมาที่ สภ.หางดง จ.เชียงใหม่ นั้น

 

 

พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า ในเบื้องต้น พ.ต.ท.บัณฑิต ยอมรับว่าเป็นคนนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาติดตั้งวางระบบจริง แต่อ้างว่าไม่ทราบว่าอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นเครื่องซิมบ็อกที่ใช้แปลงสัญญาณอินเทอร์เน็ตเป็นหมายเลขโทรศัพท์ภายในประเทศหลอกลวงประชาชนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบอกว่าได้รับการติดต่อให้จัดหาสถานที่และนำอุปกรณ์ดังกล่าวมาติดตั้งไว้ทั้งหมด 40 จุด ได้ค่าจ้างเครื่องละ 5,000 บาทต่อเดือน รวมแล้วเดือนละ 200,000 บาท แต่นำมาติดตั้งได้เพียง 12 เครื่องก็มาถูกจับกุมเสียก่อน

ข่าวที่น่าสนใจ

ในทางสืบสวนทราบว่า พ.ต.ท.บัณฑิต ได้รับการติดต่อจาก นางสาวสุวรรณลักษณ์ พงษ์ยศ อายุ 25 ปี ลูกเลี้ยง ( ลูกติดภรรยาคนที่สอง ) ซึ่งรู้จักกับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ที่มีฐานอยู่ฝั่งประเทศเพื่อนบ้านด้านจังหวัดเชียงราย เพื่อติดตั้งเครื่องซิมบ็อกในตัวเมืองเชียงใหม่ จากนั้นในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พ.ต.ท.บัณฑิต ได้เดินทางไปคุยรายละเอียดที่จังหวัดพะเยาและได้เงินค่าดำเนินการก้อนแรก 80,000 บาท

 

 

หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายนได้นำเครื่องซิมบ็อกไปติดตั้งที่ห้องพักของ น.ส.วนัชพร อัครศิริสินโสภณ อายุ 26 ปี ลูกสาว ( ลูกกับภรรยาคนแรก ) ที่โครงการเอื้ออาทรเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี อ.หางดง และ ได้เช่าห้องอีกสองห้องที่บ้านเอื้ออาทรป่าตัน และ บ้านเอื้ออาทรสันผีเสื้อ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อวางเครื่องซิมบ็อก ก่อนจะที่กลุ่มของลูกสาวจะถูกจับกุมและยึดเครื่องได้ทั้งหมด 12 เครื่อง นำไปสู่การขยายผลออกหมายจับ พ.ต.ท.บัณฑิต ในที่สุด

 

ทั้งนี้ แม้เจ้าตัวจะให้การภาคเสธ แต่พนักงานสอบสวนมีหลักฐานเพียงพอที่จะดำเนินคดีตามหมายจับในข้อหา ข้อหา”ร่วมกันทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 6 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 // ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต ตามมาตรา 11 พระราชบัญญัติวิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 // ร่วมกันใช้คลื่นความถี่ในการประกอบกิจการโทรคมนาคม โดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่สาม ตามมาตรา 67(3) ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม

 

พล.ต.ต.วีรชน บอกว่า เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์เป็นองค์การอาชญากรรมที่มีเครือข่ายใหญ่ คนที่เป็นนายทุนใหญ่เบื้องหลังก็เป็นชาวต่างชาติและและมีฐานปฏิบัติการในประเทศเพื่อนบ้าน กรณี พ.ต.ท.บัณฑิต เป็นเพียงหนึ่งในส่วนประกอบของเครือข่าย เป็นการแบ่งกันทำหน้าที่ ไม่ได้เป็นตัวการหลักหรือหัวหน้าใหญ่ แต่หากการสอบสวนหลังจากนี้พบว่ามีพฤติกรรมที่มีหลักฐานและพิสูจน์ได้ว่าการนำอุปกรณ์มาวางติดตั้งเพื่อใช้ในการกระทำความผิดและมีพยานหลักฐานเชื่อมไปถึงตัวการใหญ่ ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองกรอาชญากรรมข้ามชาติ

ส่วนการดำเนินการทางวินัย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พิจารณาตั้งกรรมการวินัยร้ายแรงและสั่งให้ออกราชการไว้ก่อน ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในดุลพินิจของผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่

 

 

อย่างไรก็ตามภายหลังจากพนักงานสอบสวน ได้สอบปากคำอย่างละเอียดแล้ว /จะส่งตัวฝากขัง ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันพรุ่งนี้ ( 21 กรกฎาคม 2567) พร้อมกับจะมีการสืบสวนขยายผลเตรียมออกหมายจับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกสองคนซึ่งไม่ได้เป็นข้าราชการตำรวจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สระแก้ว ทหารจับแก๊งบัญชีม้าคนไทย 3 ราย ขณะลักลอบ ไปและกลับ จากกัมพูชา
ปฏิบัติการเชิงรุก! เจ้าหน้าที่เขาสอยดาวทำงานไม่หยุด เพื่อสมดุลธรรมชาติผลักดันช้างป่ากับคืนถิ่น
เปิดใจเด็กหญิงในภาพ ที่ถวายมาลัยกร “พระพันปีหลวง” เมื่อ 40 กว่าปีที่ผ่านมา
หนุ่มขี่ จยย.ชนท้ายรถยนต์กระบะที่จอดติดไฟแดง บาดเจ็บ
"เจ้าคณะตำบลเขาสามยอด" ขีดเส้น 30 ขอ "หลวงพ่ออลงกต" เร่งชี้แจงปม "ที่ดิน" รีบจัดการโอนกรรมสิทธิ์คืนให้วัด
ปราบสายแว้นท่อดัง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​