หลังเกิดเรื่องราวใหญ่โตระหว่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม กับ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ จากปัญหาขบวนการเลื่อยขาแก๊งค์ล้มนายกฯคว่ำสร.1 ล่าสุดแม้พล.อ.ประยุทธ์จะฟันดาบลงโทษปลดร.อ.ธรรมนัสพร้อมคู่หูตาโตอย่างนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน จากรัฐนาวารถถังไปแล้ว แต่ความบาดหมางระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนคงไม่จบลงง่ายๆ เฉกเช่นวลีที่ว่าเสือสองตัวมิอาจอยู่ถ้ำเดียวกันได้
หากเปรียบเหมือนมวยเที่ยวนี้ก็เป็นรุ่นเฮฟวี่เวท แต่เป็นเพียงการชกกันแค่ยกแรกแค่น้ำจิ้มแค่โหมโรงของรายการ แต่ของจริงจัดหนักจัดเต็มน่าจะอยู่หลังจากนี้ เพราะแต่ละคนแต่ละฝ่ายก็มีคนหนุนหลังมีพลังภายในที่ไม่ธรรมดา ด้านพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯเป็นผู้บริหารสูงสุดของประเทศเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนร.อ.ธรรมนัสเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐเป็นแม่บ้านพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นคนกุมเสียงปล่อยน้ำเลี้ยงส.ส.ในสภา ยามสามัคคีกันรักใคร่ชอบพอกันรัฐบาลก็วิ่งเรือแป๊ะก็แล่นฉิว แต่ยามแตกหักซัดกันก็แหลกลาญ รอบนี้ก็เห็นชัดรัฐบาลก็เรือแตกพลังประชารัฐก็บอบช้ำ เจ็บกันทั้งสองฝ่ายไม่มีใครได้มีแต่เสีย
หนำซ้ำยังกลายเป็นการเปิดประเด็นเปิดศึกในอย่างที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ แม้ล่าสุดพี่ใหญ่นายตัวจริงอย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะลงมาห้ามทัพอย่าศึกเลี้ยงประชุมใหญ่ส.ส.ในพรรค ประกาศิตสลายขั้วห้ามตั้งก๊กสร้างก๊วนในพรรค ตบท้ายของส.ส.ทุกคนผู้แทนทุกภาคให้รักใคร่กลมเกลียวกัน เพื่อลบภาพความขัดแย้งในพรรคซดเกาเหลากันของหลายกลุ่ม ภาพภายนอกออกมาดูดีแต่ภายในพลังประชารัฐบอกเลยว่าแตกกันเละ เย็บกันไม่ติดปะซ่อมยังไงก็คงเหมือนเดิมยาก เพราะเที่ยวนี้ร้าวลึกถึงก้นบึ้งของหัวใจ
พล.อ.ประยุทธ์เกือบหลุดเก้าอี้สร.1 เฉียดกลายเป็นนายกฯประวัติศาตร์ถูกลูกพรรคที่สนับสนุนตัวเองเป็นนายกฯแทงข้างหลังส่อถูกล้มคาสภา ส่วน.ร.อ.ธรรมนัสก็เสียหน้าเสียราคาเพราะถูกปลดออกพ้นจากหน้าที่ถูกเด้งจากเก้าอี้รัฐมนตรีแบบมีราคี ลำพังแค่ความบาดหมางระหว่างพล.อ.ประยุทธ์กับร.อ.ธรรมนัส พรรคก็แทบพังไม่รู้จะอยู่กันยังไงแล้ว อนาคตจะไปกันยังจะเดินกันแบบไหน ฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ต่อไปจะเสนอกฎหมายจะของบประมาณอะไรก็เหนื่อย เพราะต้องไปลุ้นเสียงส.ส.ในสภารอว่าผู้แทนจะยกมือให้ไหม เพราะส.ส.ส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในมือร.อ.ธรรมนัสอยู่ในอาณัติของพล.อ.ประวิตร ขณะที่ร.อ.ธรรมนัสก็คงอิหลักอิเหลื่อเช่นกันเพราะเป็นถึงแม่บ้านพรรคที่อำนาจถึงขั้นเลขาธิการพลังประชารัฐแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้ประชุมครม.ไม่รู้ไม่เห็นเรื่องราวต่างๆในรัฐบาล จะต่อยอดกันยังไง จะไปข้างหน้าอย่างไรไหว พล.อ.ประยุทธ์เข้าพรรคไม่ได้ ร.อ.ธรรมนัสไม่สามารถเหยียบเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เสมือนต่างคนต่างอยู่พิลึกพิลั่นเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
ในส่วนพลังประชารัฐจากนี้ก็มีแต่เรื่องวุ่นไปหน้า หลัง 2 แกนนำพรรคถูกปลดพ้นรัฐบาล โควต้าพรรคเก้าอี้รัฐมนตรีหายไป 2 ตัว ยังไม่รู้ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะคืนให้ไหมหรือยึดไปเป็นโควต้ากลางอันนี้ยังไม่แน่ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์เชื่อว่าหลังเกิดเรื่องราวใหญ่โตรอบนี้ก็คงรู้จุดอ่อนเห็นปัญหาทุกอย่างชัดขึ้น ทั้งเรื่องขาลอยไม่ยึดโยงกับส.ส.ห่างเหินกับผู้แทนในพรรคจนถูกอ้างเป็นสาเหตุของเรื่องเลื่อยขาขบวนการล้มตู่ ทั้งเรื่องคนที่จะเป็นหูเป็นตาในพรรคเชื่อว่าจากนี้พล.อ.ประยุทธ์จะต้องวางคนของตัวเองหรือไม่งั้นก็ต้องหาพวกตัวเองฟังเสียงสะท้อนเสียงนินทาและปัญหาภายในพรรคอย่างแน่นอน และคงไม่อยู่เป็นนายกฯขาลอยที่ไม่รู้ตื่นลึกหนาบางในพรรคเหมือนก่อนหน้านี้ จนเกือบถูกล่อคาเก้าอี้ผู้นำในศึกซักฟอกที่ผ่านมาแล้ว โชคดีที่แผนแตกรู้ทันก่อนจึงชิงจังหวะเอาตัวรอดไปได้แบบหวุดหวิด แต่ภายหน้าเรื่องแบบนี้ก็ต้องมีอีก และคงมีปัญหาหลายอย่างในทำนองนี้เกิดขึ้นมาแน่ เพราะการไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแต่เป็นนายกฯขาลอยไม่มีส.ส.ที่แท้จริงอยู่ในมือ ก็คงประเมินรูปการณ์หาทางออกเรื่องราวต่างๆได้ลำบาก ถ้าไม่รีบจูบปากกับพล.อ.ประวิตรไม่คืนดีกันโดยเร็ว เชื่อว่าหนทางข้างหน้าพล.อ.ประยุทธ์จะลำบากแน่ไปต่อคงลำบาก
ด้านร.อ.ธรรมนัสที่เริ่มแรกงอนหนักถึงกับประกาศจะเลือกทางเดินเส้นทางการเมืองใหม่ และขอไม่เหยียบบ้านหลังเก่า ณ. ที่ทำการพรรคตึกรัชดาวัน ที่เป็นของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ซึ่งแตกหักแยกทางกันไปจากก๊วน 4 ช.แบบมองหน้ากันไม่ติด เพราะไม่ชอบ ไม่อยากฝืนใจตัวเอง ถึงขนาดจะไปตั้งพรรคใหม่ อย่างพรรคพลังพะเยาหรือพรรคอีสานล้านนาเป็นของตัวเอง แต่ล่าสุดก็กลับลำถึงขนาดเปิดใจว่าพลังประชารัฐจะเป็นที่เกิดเรือนตายสุดท้ายทางการเมือง
“ตอนแรกผมจะไม่อยู่ ใจอยากกลับไปอยู่ที่บ้านทำธุรกิจ เป็นราษฎรธรรมดามากกว่าทำการเมือง ซึ่งท่านประวิตรขอให้อยู่ช่วยกันทำงาน ถ้านายรัก อนุญาตให้ทำงานต่อ ก็จะไม่ออกไปตั้งพรรคการเมืองใหม่ ถ้าท่านประวิตรอยู่ ผมก็ยินดีที่จะอยู่ต่อ ผมเกิดจากพรรคนี้ก็พร้อมจะอยู่ตรงนี้ ถ้าจะจบชีวิตการเมืองก็ขอให้จบที่พรรคพลังประชารัฐ ยึดที่นี่เป็นที่พึ่งพิง ขอให้พลังประชารัฐเป็นบ้านสุดท้ายของผม” แหล่งข่าวอ้างคำพูดร.อ.ธรรมนัสในที่ประชุมส.ส. บทบาทของร.อ.ธรรมนัสนับจากนี้ก็ต้องดูว่าจะไปในทิศทางไหน หลังไม่มีหลังพิงในรัฐบาลไม่ได้เป็นรัฐมนตรีอำนาจบารมีก็คงลดลงไปมาก กระสุนดินดำกล้วยไข่กล้วยน้ำว้าก็คงหายาก
หนำซ้ำการเมืองในพรรคยังมีศัตรูเพิ่ม เดิมต้องระวังก๊วนสามมิตร 4 ว. ของ 4 เกลอหัวแข็ง อย่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่แย่งชิงอำนาจกันมา แถมยังต้องระแวงสายตรงนายกฯที่เป็นก๊วนใหม่มาแรงอย่างนายสันติ รวมถึง “เสี่ยโอ๋” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย หนทางของร.อ.ธรรมนัสจากนี้จึงไม่ง่าย แม้จะมีพี่ใหญ่อย่างพล.อ.ประวิตรถือหางอยู่ แต่หลังสร้างเรื่องราวใหญ่โตอนาคตการจะทำอะไรแบบมุทะลุเหิมอำนาจก็คงลำบาก ด้วยเหตุนี้การดึง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานที่ปรึกษากองทัพบก ซึ่งเป็นลูกพี่เก่ามาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ จึงเป็นการเพิ่มฐานกำลังเสริมอำนาจไม่ใช่ลดทอนบารมีของร.อ.ธรรมนัสตามที่หลายคนเข้าใจผิดแต่อย่างใด
อย่างไรเสียในพลังประชารัฐแม้พล.อ.ประวิตรจะสั่งห้ามไม่ให้มีการตั้งก๊วนก๊กกลุ่มก้อน พร้อมประกาศถ้าส.ส.อยากได้ค่าน้ำร้อนน้ำชาค่าดูแลให้มาเอาที่ผม ” คนอื่นอย่าไปท็อปอัพ เดี๋ยวผมท็อปอัพให้เอง” แต่ก็คงเป็นเรื่องที่ลำบากยากจะทำได้เพราะเป็นพรรครวมมิตรพรรคแกงโฮ๊ะ รวมคนมาจากหลายมุ้งต้อนส.ส.มาจากหลายกลุ่ม จู่ๆจะให้มาเหลือพรรคป้อมก๊วนป่ารอยต่อยุบรวมเหลือก๊กเดียวก็ผิดธรรมชาติ พวกเสือสิงห์กระทิงแรดไม่มีทางยอม แม้พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายทุกคนเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพของทุกก๊วน แต่สำหรับร.อ.ธรรมนัสนั้นไม่ใช่เลย พวกขบเหลี่ยมปีนเกลียวในพรรคกันมาแต่เก่าก่อน พร้อมเปิดศึกไฝว้ผู้กองลองดีกับแม่บ้านพรรคอยู่แล้ว ยิ่งขาลงกระแสไม่ดีแถมไปหักหลังพล.อ.ประยุทธ์มาด้วยแบบนี้ ยิ่งเข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่รอเหยียบรอกระทืบซ้ำอยู่แล้ว อย่าลืมว่าก่อนหน้านี้ร.อ.ธรรมนัสก็ทำเขามาเยอะมีศัตรูมาก ตกสวรรค์เพลี้ยงพล้ำเที่ยวนี้ ก็อย่าวางใจว่าทุกอย่างจะจบสงบลงง่ายๆ เพราะพวกในพรรคที่รอคิดบัญชีเจ้าพ่อกว๊านพะเยาก็ต่อคิวรอยาวเป็นหางว่าว พลาดเมื่อไหร่ถูกแทงข้างหลังแน่ อนาคตการเมืองในพลังประชารัฐจึงน่าสนใจและน่าติดตามอย่างยิ่งด้วยประการฉะนี้
/////////////////
