นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยกับ Top News เรื่องการโอนอำนาจบริหารมาไว้ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ว่า การโอนอำนาจมาที่นายก ฯไม่ได้มีต้นเหตุว่า คุมสถานการณ์ไม่ได้หรือการทำงานของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขในส่วนการกระจายวัคซีน ไม่มีประสิทธิภาพแต่อย่างใด แต่การออกคำสั่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 หลังจากครั้งแรก ได้ออกคำสั่งเมื่อเดือนมีนาคม 2563 เพื่อควบคุมสถานการณ์ โควิดของไทยและสามารถทำได้ดี ทำได้รวดเร็ว พบตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่อยู่ในระดับน้อยมาก เป็นที่ยอมรับของนานาชาติ และได้ออกคำสั่งที่ 2 เพื่อคืนอำนาจให้รัฐมนตรีจากนั้นเมื่อสถานการณ์ค่อนข้างรุนแรงขึ้นจึงพิจารณาออกคำสั่งในครั้งที่ 3 ครั้งนี้ จึงถือว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากได้คืนใช้คำสั่งมาแล้วในรอบแรก แต่เนื่องจากว่าครั้งแรกไม่ได้มีการพูดคุยหรือดำเนินการเรื่องวัคซีน เรื่องการขึ้นทะเบียนวัคซีนให้รวดเร็วอย่างที่หลายคนทราบว่าขณะนี้กระบวนการมีความล่าช้า ในคำสั่งครั้งที่ 3 นี้จึงต้องการเร่งดำเนินการนำเข้าวัคซีนและ การขึ้นทะเบียนวัคซีนให้รวดเร็วมากขึ้น จึงให้อำนาจนายกรัฐมนตรี พิจารณาได้ทันที รวดเร็ว ไม่ต้องกลับไปที่กระทรวงเพื่อพิจารณา ทำประกาศหรือออกกฎกระทรวงอีก อาจจะเกิดความล่าช้าใช้เวลานาน โดยนายกรัฐมนตรีสามารถสรุปในที่ประชุม ศบค.และตัดสินใจได้เลย
โดยนายกฯ จะบริหารงานผ่านศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. หากเห็นชอบให้อำนาจใครบริหารงานในเรื่องต่างๆก็สามารถตัดสินใจมอบหมายออกคำสั่งได้เลย ซึ่งถือว่าเป็นอำนาจหน้าที่โดยชอบธรรมแล้ว ส่วนความกังวลว่าเมื่ออำนาจหน้าที่อยู่ที่นายกคนเดียวจะรับมือไหวหรือไม่นั้น
โฆษกรัฐบาล ยืนยัน ว่านายกฯ ไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้แต่คนเดียวแต่จะขับเคลื่อนและพิจารณาปรึกษาหารือในที่ประชุม ศบค. ร่วมกับคณะกรรมการที่อยู่ใน ศบค.ซึ่งก็จะมีทั้งรัฐมนตรีสาธารณสุข และรัฐมนตรีด้านต่างๆที่รับผิดชอบอยู่ร่วมในคณะกรรมการชุดนี้อยู่แล้ว นายกฯไม่ได้พิจารณาเพียงคนเดียว
ทั้งนี้ อำนาจการบริหารงานของแต่ละกระทรวงยังคงเป็นของรัฐมนตรีในแต่ละกระทรวงเหมือนเดิมแต่คำสั่งการโอนอำนาจให้นายกฯ เป็นเพียงการเพิ่มอำนาจโดยชอบธรรมให้นายกฯ นั้น ไม่ใช่การลิดรอนอำนาจของรัฐมนตรีคนอื่นๆ ซึ่งก็ยังดูแลกระทรวงตามปกติ แต่เป็นการให้อำนาจนายกฯ สั่งการในศบค.ได้ชัดเจนรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับ การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) ให้บรรดาอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงตามกฎหมาย หรือที่เป็นผู้รักษาการตามกฎหมายหรือที่มีอยู่ตามกฎหมายโอนมาเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราวเฉพาะ ในส่วนที่เกี่ยวกับการอนุญาต อนุมัติ สั่งการ บังคับบัญชา หรือช่วยในการป้องกัน แก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟู ช่วยเหลือประชาชน จำนวน 31 ฉบับ เพื่อให้การแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด -19 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
แยกเป็นรายกระทรวง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข พรบ. 12 ฉบับ
ประกาศกำหนดอำนาจนายกรัฐมนตรี ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติเชื้อโควิด19 ในพรบ. 31 ฉบับ
(1) พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 / กระทรวงสาธารณสุข
(2) พระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 / กระทรวงสาธารณสุข
(3) พระราชบัญญัติความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 /กระทรวงสาธารณสุข
(4) พระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 / กระทรวงสาธารณสุข
(5) พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 / กระทรวงสาธารณสุข
(6) พระราชบัญญัติเครื่องมือแพทย์ พ.ศ. 2551 /กระทรวงสาธารณสุข
(7) พระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ พ.ศ. 2558 /กระทรวงสาธารณสุข
(8) พระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 /กระทรวงสาธารณสุข
(9) พระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ. 2559 /กระทรวงสาธารณสุข
(10) พระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545/กระทรวงสาธารณสุข
(11) พระราชบัญญัติองค์การเภสัชกรรม พ.ศ. 2509 /กระทรวงสาธารณสุข
(12) พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 /กระทรวงสาธารณสุขกระทรวงคมนาคม พรบ.4 ฉบับ
(13) พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 /กระทรวงคมนาคม
(14) พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 /กระทรวงคมนาคม
(15) พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 / กระทรวงคมนาคม
(16) พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 /กระทรวงคมนาคมกระทรวงดีอีเอส พรบ. 3 ฉบับ
(17) พระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2560 /กระทรวงดีอีเอส
(18) พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไชเบอร์ พ.ศ. 2562 / กระทรวง ดีอีเอส
(19) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 /กระทรวงดีอีเอส กระทรวงมหาไทยเป็นหลัก พรบ. 4 ฉบับ
(20) พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 /กระทรวงมหาดไทย /กระทรวงการต่างประเทศ /สตช.
(21) พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 /กระทรวงมหาดไทย
(22) พระราชบัญญัติควบคุมโภคภัณฑ์ พ.ศ. 2495 /กระทรวงมหาไทย / กระทรวงพาณิชย์
(23) พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 /กระทรวงมหาดไทยกระทรวงกลาโหม พรบ. 3 ฉบับ
(24) พระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 /กระทรวงกลาโหม
(25) พระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 / กระทรวงกลาโหม
(26) พระราชบัญญัติรับราชการทหาร พ.ศ. 2497 / กระทรวงกลาโหมกระทรวงพลังงาน 1 ฉบับ
(27) พระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2542 /กระทรวงพลังงานกระทรวงแรงงาน 1 ฉบับ
(28) พระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 / กระทรวงแรงงานกระทรวงอุตสาหกรรม 1 ฉบับ
(29) พระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 /กระทรวงอุตสาหกรรมขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี 1 ฉบับ
(30) พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 /นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกระทรวงพาณิชย์ 1 ฉบับ
(31) พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 / กระทรวงพาณิชย์ ปัญหา จากการระบาดโควิด ครั้งที่ผ่านมา มีการกักตุนสินค้า (หน้ากาก เจลแอลกอฮอล์) /การแอบขึ้นราคาสินค้า)
ทั้งนี้ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด – 19 (ศปก.ศบค.) เสนอให้ยกเลิกประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 2) ลงวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 และให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง การกำหนดอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีตามกฎหมายเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี (ฉบับที่ 3) นี้