โฆษกศาลยุติธรรม แถลงภาพรวมฟ้องคดีไม่สวมหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ ศาลสั่งลงโทษแล้ว 8 คดี ปรับ 2,000-4,000 บาท ชี้โทษหนักเบาต่างกัน ผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจพิจารณาตามพฤติการณ์
นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงภาพรวมของการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมทั่วประเทศ กรณีไม่สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่นอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนักอันเป็นการฝ่าฝืนประกาศของจังหวัดต่างๆ ว่า สำหรับศาลยุติธรรม ที่ได้เริ่มรวบรวมสถิติคดีลักษณะดังกล่าวแล้วนั้น นอกจากที่มีการฟ้องคดีและมีคำพิพากษาไปแล้ว ในส่วนของศาลแขวงสุราษฎร์ธานี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา 1 คดี จำเลย 1 คน ล่าสุดตั้งแต่วันจันทร์ที่ 26 เม.ย.64 มีรายงานคดีเข้ามาอีกในศาลเขตพื้นที่ต่างๆ รวม 4 ศาล รวม 8 คดีด้วยกัน
โดยมีศาลจังหวัดเวียงสระ รายงานว่าเมื่อวันที่ 26 เม.ย.64 มีฟ้องเข้ามา 1 คดี จำเลย 2 คน ศาลลงโทษปรับคนละ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 1,000 บาท และเมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 มีรายงานว่าที่ศาลจังหวัดเวียงสระ มีฟ้องเข้ามาอีก 1 คดี จำเลย 1 คน ศาลลงโทษเท่ากันกับเมื่อวันที่ 26 เม.ย.
นอกจากนี้ ในวันที่ 27 เม.ย. ยังมีที่ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 2,000 บาท ศาลจังหวัดยะลาฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 4,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กี่งหนึ่งคงปรับคนละ 2,000 บาท และศาลจังหวัดเบตงฟ้อง 2 คดี จำเลยคดีละ 1 คน รวม 2 คน ศาลลงโทษปรับจำเลยคนละ 2,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับคนละ 1,000 บาท
นายสุริยัณห์ เปิดเผยว่า สำหรับการลงโทษที่มีข้อแตกต่างกันนั้น เนื่องจากผู้พิพากษาสามารถใช้ดุลพินิจพิจารณาตามพฤติการณ์ของแต่ละคดี อาจมีรายละเอียดและความหนักเบาแห่งการกระทำความผิดที่แตกต่างกัน การลงโทษจึงเป็นไปได้ที่จะไม่เท่ากัน อย่างไรก็ตาม ขอย้ำกับประชาชนทั่วประเทศว่าขอให้ติดตามข่าวสาร การประกาศของทางราชการอยู่เสมอ เพื่อจะได้ปฏิบัติตามคำสั่งได้อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยทั้งของตัวเองและของผู้อื่น
ในส่วนของศาลยุติธรรมนั้นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สำนักงานศาลยุติธรรมมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อช่วยสนับสนุนงานการพิจารณาตัดสินคดีของผู้พิพากษา เพื่อลดการเดินทางของคู่ความที่จะต้องเดินทางมาศาลในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ในชั้นของการยื่นคำร้อง คำขอต่าง ๆ ไปจนกระทั่งถึงการสืบพยานสามารถดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ได้ ซึ่งสำนักงานศาลยุติธรรมได้ออกประกาศแนวทางการปฏิบัติให้ศาลยุติธรรมทั่วประเทศดำเนินการแล้ว
โฆษกศาลยุติธรรม ระบุด้วยว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการพิจารณาของศาลนั้น จะลงโทษตามระวางโทษที่กฎหมายกำหนด ส่วนบัญชีอัตราเปรียบเทียบแนบท้ายระเบียบ ฯ นั้น ใช้สำหรับผู้มีอำนาจเปรียบเทียบ ซึ่งตามคำสั่งกรมควบคุมโรครวมถึงพนักงานสอบสวนด้วย บัญชีนี้ไม่ผูกพันให้ศาลต้องใช้ตามเกณฑ์ที่กำหนดว่าครั้งแรกต้องปรับ 6,000 บาท ศาลจึงยังคงมีอำนาจในการใช้ดุลพินิจลงโทษได้ไม่เกิน 20,000 บาท ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย ซึ่งเมื่อพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว อาจเกินกว่าหรือต่ำกว่า 6,000 บาท ก็ได้ อีกทั้ง การชำระค่าปรับตามที่ถูกเปรียบเทียบปรับเป็นผลทำให้คดีอาญาเลิกกัน สิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไป ไม่ต้องมาฟ้องคดีที่ศาลอีก หากไม่ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับคดีอาญาก็ยังไม่ระงับ เจ้าพนักงานก็มีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลได้