วันที่ 15 ก.ย. – ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีมีสมาชิกสภาฯเตรียมรวบรวมรายชื่อ เพื่อไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสามชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ว่า เท่าที่ฟังทราบว่าประเด็นที่จะไปร้องนั้น คือกระบวนการและเนื้อหาที่ไม่ชอบด้วยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ซึ่งการยื่นดังกล่าวคงอาศัยช่องทางตามมาตรา 210 (2) โดยให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาว่ามีหน้าที่และอำนาจในการแก้ไขหรือไม่ เหมือนตอนที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เคยไปยื่นตอนแก้รัฐธรรมนูญตอนลงมติวาระสาม
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตนมองว่าต้องอาศัยช่องทางการยื่นญัตติให้รัฐสภาวินิจฉัย โดยเข้าชื่อเพียง 40 คนแล้วเขียนเป็นญัตติให้รัฐสภาวินิจฉัย ว่ารัฐสภาจะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอำนาจหน้าที่ของตนเองหรือไม่ ซึ่งตนมั่นใจว่าเมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านวาระสามแล้ว รัฐสภาคงไม่ลงมติให้ส่ง เพราะรัฐสภาลงมติวาระสามไปแแล้ว คงไม่สงสัยอำนาจหน้าที่ของตนเอง ดังนั้นประเด็นนี้น่าจะจบที่รัฐสภาโดยยื่นเรื่องให้รัฐสภาวินิจฉัย ว่าสงสัยอำนาจหน้าที่ของตนเองหรือไม่เพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ถ้าลงมติว่าไม่เห็นควรยื่นก็จบไป
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการแก้ไขกฎหมายลูกในเรื่องสูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยมีหลายกลุ่มตีความว่าแม้แก้เป็นบัตรสองบัตรได้ แต่ต้องออกระบบเอ็มเอ็มพีรองรับเหมือนกับเยอรมันนั้น ขณะนี้มีสองแนวคิดว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งในมาตรา 91 เขียนว่าให้จัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้แต่ละพรรคการเมือง โดยคำนวณจากคะแนนของทุกพรรคการเมืองที่ได้รับรวมกันทั้งประเทศ แล้วมาคำนวณแบ่ง ส.ส.ให้แต่ละพรรค เป็นสัดส่วนสัมพันธ์โดยตรง ส่วนการคำนวณก็ไปเขียนไว้ในกฎหมายลูก ตามมาตรา 91 ทั้งนี้โดยส่วนตัวรวมทั้งกรรมาธิการฯ เสียงข้างมาก มองว่าไม่สามารถคำนวณแบบเอ็มเอ็มพีได้