หลังจากเกิดปัญหามากมายกับพรรคพลังประชารัฐ ทั้งขบวนการเลื่อยขานายกฯ ทั้งศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่อยมาจนถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดสารพัดเรื่องคาใจหมักหมมบ่มทับกันมาหลายเรื่อง รวมถึงกรณีอุบัติเหตุทางการเมืองนำไปสู่การปลด 2 แกนนำพรรคพลังประชารัฐ อย่าง “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค จากตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ และ “อ.แหม่ม” นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พ้นจากเก้าอี้รมช.แรงงาน หลุดจากรัฐบาลเรือแป๊ะแบบหักดิบมองหน้ากันไม่ติด
ล่าสุดเพื่อเป็นการลดความบาดหมางลดความขัดแย้งลดความห่างเหินระหว่างกัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงจัดประชุมส.ส.ของพรรคช่วงเช้าของวันนี้ โดยเป็นการประชุมเพื่อเคลียร์ใจเคลียร์ปัญหาและให้ความมั่นใจกับส.ส.ทุกคนถึงอนาคตของพรรคพลังประชารัฐในช่วงที่กำลังเผชิญมรสุมอย่างหนักหน่วงในห้วงเวลานี้ ก่อนหน้าที่อีกไม่กี่วันข้างหน้าจะถึงเวลาปิดสมัยประชุมและบรรดาผู้แทนจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน นัดกันเช้าตรู่วันนี้ ณ ห้องพรรคพลังประชารัฐ ชั้น 6 ห้อง 601 อาคารรัฐสภา
งานนี้บรรดาแกนนำของพรรคเดินทางมาร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง ไม่ว่าจะเป็นสองคู่หูรัฐมนตรีจากก๊วน ” 4 ช.” ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน อย่าง ร.อ.ธรรมนัส กับนางนฤมล ที่เดินทางมาพร้อมกัน ขณะที่ก๊วนสามมิตร ” 4 ว.” ก็มากันอย่างพร้อมหน้านำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกฯ รวมถึงก๊วน 4 ช. อีก 2 คนที่มีข่าวว่าได้เปลี่ยนขั้วสลับข้างกลับมาอยู่กับกลุ่ม 4 ว แล้ว อย่าง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม ส่วนแกนนำคนอื่นๆของพรรคก็มากันครบถ้วนไม่ว่าจะเป็น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพปชร. เป็นต้น งานนี้พล.อ.ประวิตรเรียก “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐมาเปิดตัวและเข้าร่วมประชุมด้วย
ใช้เวลาเกือบชั่วโมงเศษ นายสมศักดิ์ ออกมาเปิดเผยประเด็นที่พล.อ.ประวิตรย้ำหนักย้ำหนาในการประชุมเปิดใจรอบนี้ คือ การขอให้ส.ส.ในพรรครักกันเป็นหนึ่งเดียวกันร่วมกันทำงาน อย่าไปตั้งก๊วนเป็นกลุ่มเป็นก้อน ส่วนคนที่ให้สัมภาษณ์ออกมาพูดเป็นเนื้อเป็นน้ำถึงการประชุมในรอบนี้ก็คือนายวิรัชประธานวิปรัฐบาล โดยยืนกรานพล.อ.ประวิตร ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่าไม่มีเรื่องการปรับกรรมการบริหารพรรค และส่วนตัวไม่คิดลาออกจากหัวหน้าพรรค เพราะรักพรรคพลังประชารัฐมากและจะอยู่กับพรรคตลอดไป ทั้งนี้พล.อ.ประวิตรได้ย้ำว่า ในช่วงหนึ่งปีเศษจากนี้ให้ส.ส.ทุกคนเตรียมลงพื้นที่ เข้าหาและช่วยเหลือประชาชน อะไรที่พรรคจะเข้าไปดูแลและช่วยเหลือได้ ซึ่งทางพรรคก็พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือ อย่างไรก็ตามท่านย้ำว่ายังไม่มีแนวคิดยุบสภาในเวลาอันใกล้
“จากนี้ไปภายในพรรคพปชร.จะไม่มีก๊วนไม่มีกลุ่ม และมีกลุ่มเดียวคือกลุ่มประวิตร หรือกลุ่มหัวหน้าพรรคเท่านั้น และเวลาที่พล.อ.ประวิตร พูดในห้องประชุมก็จะได้ยินเสียงปรบมือของส.ส.เป็นระยะๆ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค ทางร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยายืนยันในที่ประชุมว่ายังทำหน้าที่เป็นเลขาฯพรรค และพร้อมช่วยเหลือประชาชนเต็มที่ เพราะวันนี้ยังลงพื้นที่และเป็นผู้แทนอยู่ ยังทำงานประสานกับหน่วยงานต่างๆ และยังอยู่กับพรรคพปชร.ต่อไป” นายวิรัชกล่าวเป็นอันจบข่าวลือปลดร.อ.ธรรมนัสล้างไพ่กรรมการบริหาร
ด้านพล.อ.ประวิตร นายใหญ่ตัวจริงเสียงจริงคุยกับลูกพรรคเสร็จก็ออกมาให้สัมภาษณ์สั้นๆ หลังปิดห้องพูดคุยกับส.ส.ของพรรคทุกเรื่องทุกประเด็นไม่ให้ค้างคากันอีก ในทำนองว่า วันนี้ได้กำชับทุกคนต้องรักกัน และตอนนี้ก็รักกันปกติดี อย่างไรก็ตามพล.อ.ประวิตรปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค และปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ส่วนร.อ.ธรรมนัสที่เดินเคียงคู่กันก็กล่าวถึงปัญหาที่ผ่านมาว่า “สบายใจตั้งนานแล้ว”
จากนี้ต้องจับตาดูว่าหลังจากพล.อ.ประวิตรเรียกรวมใจส.ส.ทุกคนเพื่อให้พลังประชารัฐไปต่อ ในภารกิจเบื้องหน้าที่จะถึงอีกหลายเรื่อง ทั้งเลือกตั้งท้องถิ่น อบต. อบจ. เลือกตั้งกรุงเทพฯ เลือกตั้งพัทยา และเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดกลางปี 65 เพราะต้องรอให้กฎหมายลูก 2 ฉบับคือ พ.ร.ป.พรรคการเมือง และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ออกมาก่อน โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาทำอย่างอย่างน้อยอีก 5-6 เดือน ต้องตามกันต่อว่าหลังจากนี้กลุ่มก๊วนก๊กต่างๆในพลังประชารัฐจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างไร หลังวันนี้พล.อ.ประวิตรมีประกาศิตสั่งสลายขั้วทุกก๊กลบทุกก๊วนรวมพลังประชารัฐเป็นหนึ่งเดียว จับตาคลื่นใต้น้ำในพลังประชารัฐที่มีแน่ และเรื่องราวที่ดูเหมือนว่าจะจบแต่บอกเลยว่ามันไม่สงบแน่นอน แม้ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างหยุดเพราะไม่อยากให้พรรคพังไม่อยากให้รัฐบาลเจอปัญหารุงรังมากไปกว่านี้ แต่เชื่อแน่ว่าอนาคตอันใกล้ต้องมีรายการเอาคืนนายกฯจากฝากฝั่งของนักเลงการเมืองอย่าง ร.อ.ธรรมนัสแน่นอน ที่ประกาศกร้าวจำดีจำแม่นแถมมีพวกมาก และลั่นวาจาว่าจะไม่ส่งไอ้ห้อยไอ้โหนพวกชอบเพ็ดทูลลงเลือกตั้งคราวหน้า อย่าลืมว่าอำนาจในรัฐบาลอาจเป็นของนายกฯ แต่อำนาจในสภาส.ส.ส่วนมากล้วนอยู่ในมือร.อ.ธรรมนัส ต่อไปรัฐบาลจะทำอะไรก็ลำบากเพราะนายกฯขาลอยสั่งส.ส.ก็ไม่ฟังบอกผู้แทนก็ไม่ได้ จะออกกฎหมายจะขออนุมัติอะไรจากสภาก็ยากลำบากไปหมด ด้านพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังแค้นยังขุ่นไม่หายที่ถูกคนกันเองทรยศหักหลัง และเชื่อว่าต้องมีการเอาคนผิดนำคนปล่อยข่าวอ้างเบื้องสูงมาลงโทษแน่ แม้ปากจะบอกยุติแต่ในใจคงไม่หยุดเพียงแค่นี้แน่ ขณะที่ฝ่ายสามมิตร 4 ว. ก็ตั้งหลักรอจังหวะรอเวลาทวงอำนาจคืน
ส่วนหัวหน้าพรรคอย่างพล.อ.ประวิตรก็เล็งตั้งป้อมสู้ปกป้องอำนาจในพรรคของตัวเอง ล่าสุดก็จัดการดึงน้องรักอย่างพล.อ.วิชญ์ นายทหารเตรียม 11 (ตท.11) เข้ามานั่งเป็นประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ที่คนในวงการรู้ดีว่าเป็นน้องรักเป็นมือไม้ที่คอยทำงานทั้งใต้ดินและบนดินให้พล.อ.ประวิตรมาตลอด หนำซ้ำยังเป็นลูกพี่เก่าของร.อ.ธรรมนัส เป็นคนฝากร.อ.ธรรมนัสให้เข้ามาอยู่กับพลังประชารัฐ แน่นอนว่าด้านหนึ่งต้องการปรับหมากปรับยุทธศาสตร์ปรับการบริหารจัดการพรรคใหม่ อีกด้านก็เอามาคอยเป็นกันชนเป็นกำแพงกันไม่อำนาจจากไทยคู่ฟ้าย่างกรายเข้ามาในพรรคได้ อย่างน้อยพล.อ.ประวิตรก็มีหูมีตามีแขนขาเพิ่มไม่ได้พึ่งแค่ร.อ.ธรรมนัสหรือนางนฤมลเท่านั้น ปัญหาภายในพลังประชารัฐตอนนี้เรียกว่าอีรุงตุงนังกันไปหมด และต้องตามดูกันยาวๆเหมือนซีรี่ย์เกาหลี ยังมีตอนดุเดือด ยังเหลือตอนเฉือนคม ยังมีฉากหักมุมอีกมาก เพราะตอนนี้กลายเป็นพรรคที่รวมเสือสิงห์กระทิงแรด มีแต่พวกเขี้ยวลากดินทั้งนั้น แถมแตกเละกันหมด ซ้ำร้ายต่างฝ่ายยังมีแผลในใจต่างรอเวลาที่จะเอาคืน เปิดศึกรอบใหม่ล้างแค้นกันต่อไป
///////////////////