ช่องเทเลแกรมรัสเซียที่ติดตามสงคราม ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่เชื่อว่า เป็นนาทีรัสเซียทิ้งระเบิด “แฟบ – 3000 เอ็ม-54” (FAB-3000 M-54) หนัก 6,600 ปอนด์ หรือราว 3 พันกิโลกรัม โจมตีเป้าหมายในภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนเมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา แรงระเบิดก่อให้เกิดลูกเพลิงมหึมา ทำลายล้างบริเวณโดยรอบ แม้ว่าส่วนใหญ่เป็นซากปรักหักพังไปหมดแล้วจากการสู้รบก่อนหน้า
อาคารที่ถูกถล่มอยูู่ฝั่งตะวันออกของหมู่บ้าน ลิปต์ซี หมู่บ้านเล็ก ๆ หลังแนวรบคาร์คิฟ สื่อรัสเซีย รายงานว่า มีทหารยูเครนเสียชีวิต 70 นาย แต่กระทรวงกลาโหมไม่แสดงความเห็น ส่วนยูเครน ระบุว่ากำลังตรวจสอบจากสะเก็ดระเบิดว่าเป็นระเบิดชนิดใดแน่
เมื่อเดือนมีนาคม มีการเผยแพร่ภาพขณะ เซอร์เก้ ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียในขณะนั้น เยี่ยมชมโรงงานผลิตอาวุธ ทางตะวันออกของกรุงมอสโก ก่อนประกาศยกระดับการผลิตระเบิด FAB-3000 , FAB-500 และ FAB-1500 ทุกรุ่นเป็นระเบิดยุคโซเวียตที่นำมาดัดแปลงติดปีกและระบบ GPS
“ไฟต์เตอร์บอมบ์เบอร์” บล็อคเกอร์สายทหารที่เชื่อว่าอยู่ในกองทัพอากาศรัสเซีย ชี้ว่า นี่เป็นการทดสอบระเบิดร่อนเวอร์ชั่นใหม่ ที่หนักกว่ารุ่นก่อนสองเท่าเป็นครั้งแรก การโจมตีอาจพลาดเป้าไปเล็กน้อย แต่อานุภาพทำลายล้างมหาศาลชดเชยได้ ทั้งยังอ้างว่า สะเก็ดระเบิดสามารถส่งพลังทำลายล้างในระยะถึง 1,240 เมตร
นักวิเคราะห์สถาบันศึกษาสงคราม ที่เกาะติดสถานการณ์สงครามยูเครน ระบุว่า การที่กองทัพรัสเซียสามารถหย่อนระเบิดหนัก 3 ตันได้ เป็นพัฒนาการที่มีนัยสำคัญ และจะเพิ่มพลังทำลายล้างของการโจมตีด้วยระเบิดร่อน หรือ ไกลด์ บอมบ์ (Glide Bomb) ต่อกองกำลังและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน ซึ่งที่ผ่านมา รัสเซียเพิ่มการใช้ระเบิดร่อนนำวิถีและไม่นำวิถีกับยูเครนหนักอยู่แล้ว โดยเฉพาะในภูมิภาคคาร์คิฟ เพื่อให้เกิดผลเสียหายในวงกว้าง หากรัสเซียสามารถถล่มด้วยระเบิด FAB-3000 หรือหนักกว่านั้น ก็ย่อมจะก่อความเสียหายอย่างกว้างขวางบนแนวรบ และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ
ภูมิภาคคาร์คิฟ ถูกรัสเซียโจมตีทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศอย่างหนัก นับจากรัสเซียเปิดฉากรุกข้ามชายแดนเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ปัจจุบัน กองทัพยูเครนหยุดการรุกคืบของรัสเซีย ห่างจากทางเหนือของหมู่บ้าน ลิปต์ซี ประมาณ 3 กิโลเมตร และห่างจากเมืองคาร์คิฟ เมืองหลวงของแคว้นที่มีประชากร 1 ล้าน 3 แสนคน ประมาณ 32 กิโลเมตร ระเบิดกำลังแรงสูงที่รัสเซียนำมาใช้ส่อทำให้สถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่แล้ว สาหัสขึ้นอีก ทั้งต่อทหารและพลเรือน
การโจมตีด้วยระเบิดร่อน สร้างปัญหาให้กับยูเครนตลอดการทำสงคราม แต่เพิ่มความหนักหน่วงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เครื่องบินรบสามารถปล่อยระเบิดชนิดนี้มาจากระยะไกลได้ เกินระยะระบบป้องกันทางอากาศของยูเครน เวลาบินสั้น จับสัญญาณเรดาร์ได้น้อย และมีวิถีการบินต่างจากขีปนาวุธ จึงสกัดได้ยาก หนทางสกัดอย่างมีประสิทธิภาพ คือการสอยเครื่องบินรบที่บรรทุกระเบิดยักษ์กลางอากาศ หรือทำลายถึงฐานที่ประจำการอยู่
แต่พันธมิตรตะวันตกไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้มาโจมตีข้ามชายแดนได้ เครื่องบินรบรัสเซียจึงใช้ระเบิดร่อนจากในดินแดนของตัวเองโดยไม่ต้องเกรงว่าจะถูกโจมตี กระนั้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ระบุว่าสหรัฐอนุญาตให้ยูเครน ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้ไกลออกไปจากแนวรบใกล้คาร์คิฟ “หากเป็นไปเพื่อการป้องกันตัวเอง” ซึ่งก็อาจจะเปิดทางให้ยูเครนแก้เกมระเบิดร่อนได้ตั้งแต่ต้นทาง
Reportedly the first video of a Russian FAB-3000 UMPK glide bomb strike. https://t.co/C1NY8OXWMG https://t.co/VilUVEYlmJ pic.twitter.com/ob32zsPLL9
— Rob Lee (@RALee85) June 20, 2024