” โจร” สะกดรอยตาม “ตำรวจ” ย่องขึ้นห้อง 8 ครั้ง
“เป็นที่ฉงนใจ” ให้กับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เมื่อได้มีคนร้ายสุดพิสดารรายหนึ่งเฝ้าสะกดรอยนายตำรวจระดับ “สารวัตร” มาเป็นเวลากว่า 10 วัน ทั้งยังแอบย่องเข้าไปสอดแนมในห้องพักกว่า 8 ครั้ง โดยที่ของมีราคาสูงภายในห้องพักของสารวัตรกลับไม่ถูกขโมยไป และหลังที่เรื่องแดงขึ้นคนร้ายหลบหนีหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างไร้ร่องรอย จนนายตำรวจผู้เสียหายและชุดสืบสวนต้องตั้งประเด็นการสืบสวนไปถึง “การถูกปองร้าย” สู่การไขคดี
โดยเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2567 เวลา 16.15 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์สืบสวนนครบาล สืบสวนติดตามจับกุมตัว นายมนัสวิน ทองคำ หรือ “เจมส์-บางบอนด์”อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรี ในข้อหา “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนในเคหะสถาน และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต่างกรรมต่างวาระ” โดยจับกุมตัวได้ที่ ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
เหตุการณ์นี้สืบเนื่องจาก คืนวันที่ 27 มิ.ย.2567 เวลา 21.00 น. เมื่อนายตำรวจผู้เสียหายได้กลับเข้ามาที่ห้องพักในคอนโดชื่อดังย่านบางแค แล้วพบว่าข้าวของบางอย่างถูกขยับเขยื้อนและเมื่อตรวจสอบในห้องโดยละเอียดทำให้ทราบว่ามีสิ่งของบางอย่างหายไป จึงลงมือสืบสวนเบื้องต้นด้วยตัวเองแล้วพบว่ามีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่น “บุกเดี่ยว” เข้ามาในห้องพักของตนเองกว่า 5 นาที ก่อนหลบหนีออกไป ซึ่งหลังทราบเรื่องนายตำรวจผู้เสียหายจึงรีบเดินทางไปแจ้งความดำเนินคดีในทันที
.
ในตอนแรกเริ่มเหมือนจะเป็นคดีลักทรัพย์ทั่วไป แต่ที่สร้างความสงสัย “คนร้ายขึ้นคอนโดไปได้อย่างไร” ทั้งที่ภายในคอนโดมีระบบความปลอดภัยที่หนาแน่น ชุดสืบสวนจึงเริ่มสืบสวนโดยละเอียดไล่ทามไลน์ย้อนหลังไปจนได้ข้อมูลที่ทำเอาขนลุก เพราะนายตำรวจผู้เสียหายได้ถูกคนร้ายสะกดรอยเฝ้าดูพฤติกรรมมาเป็นเวลากว่า 10 วันแล้ว โดยคนร้ายสะกดรอยจนทราบที่เก็บ “คีย์การ์ดสำรอง” ของนายตำรวจผู้เสียหายที่ถูกเก็บไว้ใน Mail Box ที่อยู่ชั้นล่างของอาคารคอนโด และใช้จังหวะเมื่อนายตำรวจผู้เสียหายเดินทางออกไปทำงานหรือไม่อยู่ที่ห้องพัก คนร้ายจะแอบไปหยิบคีย์การ์ดสำรองดังกล่าวทำให้สามารถขึ้นตึกและเข้าไปสอดแนมภายในห้องพักได้ แล้วเมื่อเสร็จภารกิจลับก็จะนำคีย์การ์ดนั้นมาเก็บไว้ที่เดิม เสมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
โดยการสืบสวนติดตามพบว่าหลังจากก่อเหตุในวันสุดท้าย คือวันที่ 27 มิ.ย. 67 คนร้ายได้หายตัวไปเป็นคนไร้ตัวตน ซึ่งต่อมาได้สืบทราบว่าคนร้ายร่อนเร่พเนจรไปนอนตามป้ายรถเมล์ ปั้มน้ำมัน ซึ่งชุดสืบสวนติดตามไล่ล่าตีล้อมวงจนคนร้ายไปจนมุมที่ ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา
ภายหลังจับกุม ตำรวจตรวจพบประวัติเคยก่อคดีอาญา เกี่ยวกับการลักทรัพย์ มาถึง 4 คดี ด้วยกัน ในชั้นจับกุม นายมนัสวิน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเองจบการศึกษาชั้น ม.6 และต่อ ปวช.สายช่างก่อสร้าง แต่เรียนไม่จบ ในปัจจุบันเป็นคนตกงานและไม่เป็นที่ยอมรับของครอบครัว จึงชอบร่อนเร่ไปพักอาศัยตามที่ต่างๆไปเรื่อย ส่วนทางคดีตนเองไม่ได้หวังปองร้าย ไม่ได้รับงานใครมา ตนเองแค่มานั่งสังเกตการณ์บริเวณใต้อาคารคอนโดที่เกิดเหตุบ่อยๆ แล้วเห็นว่าห้องของนายตำรวจผู้เสียหายมักซ่อนกุญแจและคีย์การ์ดสำรองไว้ในช่อง Mail Box
ตนเองเป็นคนตกงานและทางบ้านของภรรยาไม่ค่อยยอมรับ จึงตั้งใจจะขึ้นไปนอนบนห้องของผู้เสียหายขณะที่เขาไม่อยู่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะสอดแนมหรือปองร้ายใดๆทั้งสิ้น ส่วนที่มาถูกจับกุมที่นี่ไม่ได้หลบหนีมา แต่ได้งานทำใหม่ที่นี่ ส่วนที่ไม่ได้อยู่ละแวกบางบอนเช่นเดิมนั้นเพราะหลังก่อเหตุตนเองมีความรู้สึกว่าเหยื่อน่าจะรู้ตัว และมีเจ้าหน้าที่บางส่วนมาติดตาม จึงออกร่อนเร่เดินเท้าไปอย่างไร้จุดหมายและมาถูกจับกุม”
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่หลายประเด็น ว่าเหตุใดผู้ต้องหาจึงแอบสะกดรอยแล้วยังเข้าไปสอดแนมในห้องนายตำรวจผู้เสียหายอีกกว่า 7 ครั้ง ก่อนจะลงมือในครั้งที่ 8 โดยสิ่งที่ขโมยไปนั้นก็เป็นเพียงทรัพย์สินที่มีมูลค่าน้อย แต่ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงกลับไม่ถูกขโมยไป เสมือนไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ อีกทั้งแผนประทุษกรรมของคนร้ายมีลักษณะใจเย็น ช่ำชอง และที่สำคัญคือรู้ว่าเป็นห้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ยังกล้าที่จะลงมือกระทำ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการขยายผลโดยละเอียดต่อไป
และขอให้คดีนี้เป็นการเตือนภัยให้กับประชาชน แม้จะเป็นคอนโดที่มีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนาก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการเก็บคีย์การ์ดหรือของสำคัญไว้ในตู้ไปรษณีย์หรือตู้ Mail Box หรือหลีกเลี่ยงการซ่อนกุญแจไว้ตามที่ต่างๆใกล้ประตูหน้าบ้านของท่าน เพราะการกระทำดังกล่าวอาจตกอยู่ในสายตาของผู้ไม่ประสงค์ดีลักษณะนี้อีก
#บก.ข่าวทีวี