ข่าวที่น่าสนใจ
เซียนการเมืองต่างรุมฟันธงกันจนธงหักว่า “ไม่รอด” เนื่องจากเหตุผลทางกฎหมายไม่มีทางพลิกล็อคไปได้ เนื่องจากยุติไปแล้วโดยศาลรัฐธรรมนูญว่าเข้าข่ายล้มล้างการปกครองไม่จำเป็นต้องสอบอะไรเพิ่มเติมเป็นไปตามกฎหมายลูก ประเด็นนี้ทำให้ “ชัยธวัช ตุลธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถึงกับโต้เดือดว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เท่ากับว่าจะยุบพรรคได้โดยอัตโนมัติ เพราะเป็นคนละคดีกัน คนละกฎหมายกัน ผลคำวินิจฉัยของศาลจะออกมาอย่างไร พรรคก้าวไกลต้องเตรียมรับกับทุกสถานการณ์
แต่ถึงกระนั่น ช่องทางในการต่อสู้เพื่อให้ได้รอดคมดาบศาลรัฐธรรมนูญ ดูทรงริบหรี่เหลือเกิน ซ้ำร้ายกรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิ์ และ 44 สส.ที่ไปร่วมลงชื่อแก้มาตรา 112 อาจเอวังไปด้วย ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ “พรรคก้าวไกล” กำชัยชนะเลือกตั้งปีก่อนมาได้อย่างถล่มทลาย การจะปั้นนับรบแถว 3 ขึ้นมาเทียบชั้น “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นายกฯโพลในทุกสำนักไม่ใช่เรื่องง่าย
ถึงแม้ “พรรคก้าวไกล” จะทำปากกล้าว่า พร้อมสู้ยิบตาและวางแผนสำรองไว้รองรับทุกสถานการณ์ แต่ถึงนาทีนี้ยังไม่ยอมเปิดชื่อพรรคใหม่ หากพรรคก้าวไกลถูกยุบขึ้นมาจริงในเร็ววันนี้ ในทางการเมืองคาดเดากันว่า เพราะคงหวั่นวิตกว่าหากเปิดชื่อพรรคสำรองไปแล้วจะทำให้มวลสมาชิกพรรคเสียขวัญวิตกจริต เป็นการส่งสัญญาณยกธงขาว ยอมรับสภาพว่าต้องถูกยุบพรรคแน่นอน ระดับผู้นำจิตวิญญาณ จึงได้แต่อัดฉีดวาทกรรม “นิติสงคราม” และ “ตายสิบเกิดแสน” เพื่อกลบอาการจิตตกของบรรดาแกนนำไปจนถึง สส.โดยเฉพาะกลุ่ม 44สส.ที่อาจจะถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต หรือ ปปช.สอยร่วง จากคำร้องของ 2 นักร้องดังสะท้านการเมือง นั้นคือ “สนธิญา สวัสดี” และ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” เจ้าของสำนวนคดีล้มล้างการปกครองสารตั้งต้นยุบพรรคก้าวไกล
ยิ่งได้ฟังน้ำเสียง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เริ่มเข้าโหมดปลงทำใจได้ ระหว่างโชว์ตัวในงาน Policy Fest ในโอกาสครบ 1 ปี เลือกตั้ง จากคำพูดที่ว่า ได้เตรียมใจตั้งแต่วันแรกเป็นนักการเมืองที่จะรองรับเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญหน้า และ ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงพรรคสำรอง ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องงาน แม้จะมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลมั่นใจว่าสส.ในพรรคกว่า 150 คนจะคงไปสังกัดพรรคใหม่ ยืนยันว่า จะทำทุกอย่างให้ทุกคนได้ไปอยู่ด้วยกัน ไม่ใช่แค่คนที่รอดหรือไม่รอด โดยไม่ห่วงว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยโดนดูด สส.อย่างตอนยุบพรรคอนาคตใหม่
ตีความทางการเมือง คำกล่าวของ “พิธา” ไม่กลัวมีฝูงสส.งูเห่าส้มตีจาก แต่เหตุใดไม่ยอมเปิดชื่อ “พรรคสำรอง” ที่เตรียมการให้ 150 สส.ที่รอดได้ไปสังกัดอุบไต๋ไว้เพื่ออะไร
หากจำกันได้ “พรรคก้าวไกล” ส่งสัญญาณหมอบให้ได้เห็น ตั้งแต่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2567 เมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา กองเชียร์ส้มต่างลุ้นสุดตัวให้มีการคืนเก้าอี้หัวหน้าพรรคก้าวไกลจาก “ชัยธวัช ตุลาธน” ให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ได้กลับมาผงาดกระชากเรตติ้งพรรคให้พุ่งกระฉูด แต่กลับทำด้อมส้มอกหักกันระนาว “พิธา” ไม่ได้กลับมาเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เพราะที่ประชุมพรรคมีมติ “เลื่อน” พิจารณาออกไปก่อนรอคำวินิจฉัยคดียุบพรรคว่าจะรอด หรือ ร่วง ? ซึ่งในการประชุมคราวนั้น แกนนำพรรคก้าวไกลระดับเบอร์ 1 ประกาศชัดว่า พรรคก้าวไกลไม่ใช่ตัวอันตราย หรือ ไม่ใช่ภัยคุกคาม
เช่นเดียวกับที่ “พิธา” ส่งสัญญาณหมอบใช่หรือไม่ จากคำพูดที่ว่า หากให้อธิบายเรื่องข้อกฎหมายต่อศาลว่าพรรคก้าวไกลไม่มีเจตนาล้มล้างการปกครอง เพราะการล้มล้างคือการทำรัฐประหาร การร่วมมือกับรัฐบาลต่างประเทศการแบ่งแยกแผ่นดินหรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง โดยยืนยันว่า สิ่งที่พรรคทำมีเจตนาดีต่อการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันในประเทศไทยผ่านนิติรัฐ นิติธรรม และความศรัทธา”
คำพูดดังกล่าวของ “พิธา” คงสายไปเสียแล้ว หลังวันที่ 2 มิถุนายน ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมปิดแฟ้มและนัดวันประหารที่ดูทรงแล้ว “รอดยาก” แม้ว่าพรรคก้าวไกลที่ถูกยุบไปกลับมาในเวอร์ชั่นใหม่ยังได้รับคะแนนนิยมพุ่งปรี๊ดอยู่ แต่คำถาม คือ นักรบแถว 3 ที่จะมาทดแทน “พิธา” ผู้ซึ่งติดโผเป็น “นายกฯโพล” วัดเรตติ้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็นำโด่งในทุกสำนัก จะหาใครในพรรคมาแทนที่ได้ ถึงว่าทำไม 150 สส.ถึงจิตตกยกพรรค!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
