เหตุเขื่อนแตกในเคนยา เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ (28 เมษายน) ตามเวลาท้องถิ่น ส่งมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักลงมาตามเนินเขา ซัดทำลายทุกอย่างระหว่างทาง รวมถึงบ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้าน คามูชิรี เมือง นาคูรู ห่างจากกรุงไนโรบี เมืองหลวงประมาณ 60 กิโลเมตร แรงน้ำซัดต้นไม้ล้มถอนราก รถลอยไปตามกระแสน้ำ และถนนหนทางจมอยู่ใต้โคลนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ตำรวจที่เมืองนาคูรู บอกสำนักข่าว AFP ว่า พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 45 ราย คาดว่าน่าจะมีผู้เคราะห์ร้ายอยู่ใต้กองโคลนอีกจำนวนหนึ่ง
รัฐมนตรีมหาดไทยเคนยา มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ออกตรวจเขื่อน และอ่างเก็บน้ำทุกแห่งทั้งของรัฐและเอกชน ในพื้นที่ที่รับผิดชอบภายใน 24 ชั่วโมง และให้เสนอแนะกรณีจำเป็นต้องบังคับอพยพและย้ายที่อยู่ชั่วคราว
ภัยพิบัติครั้งนี้ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมที่เกิดจากฝนตกหนักผิดปกติในเคนยา เพิ่มเป็นอย่างน้อย 121 คน หลังจากเมื่อวันเสาร์ (27 เมษายน ) เจ้าหน้าที่อัปเดตยอดผู้เสียชีวิตจากฝนตกหนักและน้ำท่วม นับจากเดือนมีนาคม อยู่ที่ 76 คน ไร้ที่อยู่อีกกว่า 1 แสน 3 หมื่นคน ด้าน กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศเลื่อนเปิดเรียนไปจนถึง 6 พฤษภาคม เพราะโรงเรียนบางแห่งได้รับความเสียหายรุนแรง
หลายประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออก เผชิญน้ำท่วมหนักเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน โดยแทนซาเนีย เพื่อนบ้านเคนยา น้ำท่วมและดินถล่ม คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 155 คน บูรุนดี ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศยากจนสุดในโลก มีประชาชนไร้ที่อยู่เกือบ 1 แสนคน จากฝนตกหนักหลายเดือน
The scenes of flooding in Kenya are heartbreaking. Climate change is not a distant threat; it’s here, affecting our lives today. Lives and livelihoods are being lost each day. Urgent action is needed to address this crisis. We need to further localize climate issues and response… pic.twitter.com/JMe5BZOpr8
— Elizabeth Wathuti , O.G.W 🇰🇪 (@lizwathuti) April 29, 2024