นายพอล ซาเลม ประธานและซีอีโอ สถาบันตะวันออกกลางแห่งสหรัฐ ได้แสดงความเห็นกับสำนักข่าว AFP ว่า เหตุการณ์นี้สำคัญมาก มันอาจจะดูไม่มีนัยสำคัญมากในระยะสั้น เราอาจเห็นว่า นี่อาจไม่นำไปสู่การบานปลายอีกจากฝั่งอิสราเอล ซึ่งสหรัฐก็พยายามเตือนอิสราเอลไม่ให้ตอบโต้ เพราะการโจมตีดังกล่าวนี้ สร้างความเสียหายเพียงเล็กน้อยมาก และจนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่มีการสูญเสียชีวิตแต่อย่างใด รวมถึงอิหร่านก็บอกมาด้วยแล้วว่า เรื่องนี้จะไม่บานปลาย
อย่างไรก็ดี ตนคิดว่าในระยะยาว มันจะเป็นการเปลี่ยนทั้งสำหรับอิสราเอลและสหรัฐ เพราะในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา อิหร่านจะใช้ตัวแทนที่เป็นกองกำลังติดอาวุธ ทั้งในเลบานอน ซีเรีย อิรัก เยเมน พร้อมอ้างเสมอว่า อิหร่านไม่ได้ทำอะไรเลย แต่นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพราะอิหร่านเข้ามามีร่วมในการใช้อาวุธของตัวเองโดยตรง ซึ่งนี่จะเป็นการสร้างเงามืดให้กับอิสราเอลไปอีกนาน และส่งผลต่อความคิดของสหรัฐ ดังนั้น ตนจึงคิดว่าในระยะยาว มันจะเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก อิหร่านกำลังขีดเส้นสีแดงว่าเมื่อเจ้าหน้าที่, นายพลของตนถูกสังหารหรือโจมตีโดยตรง อิหร่านเองก็จะตอบโต้ ตนจึงไม่แปลกในที่เกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่อิหร่าน ทำกับอิสราเอล
ซาเลมกล่าวต่อไปว่า ตนไม่แปลกใจถ้าอิสราเอลจะไม่ดำเนินการทันที เพราะอิสราเอลอาจจะตระหนักว่า หากทำอะไร อิหร่านก็จะทำด้วย แล้วมันก็จะเกิดกระแสใหม่ที่พวกเขาอยากจะหลีกเลี่ยง ขณะที่ในทางการเมือง ตนคิดว่า เขาจะสามารถต่อรองหาเงินได้จากการที่บอกกับสหรัฐว่า อิสราเอลจะไม่ทำอะไร แต่ในการแลกเปลี่ยน สหรัฐต้องให้อิสระกับอิสราเอลในฉนวนกาซามากขึ้น นอกจากนี้ ตนก็กังวลว่า การที่อิหร่านเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ ด้วยการยิงขีปนาวุธโดยตรง ในเวลาที่ดูเหมือนว่า อิหร่านกำลังเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วไปสู่การสร้างอาวุธนิวเคลียร์ นั่นเป็นการรับรู้ถึงภัยคุกคามที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอิสราเอลและสหรัฐ จะต้องสร้างความตึงเครียดมากมายกับคำถามทั้งหมดที่เกี่ยวกับอิหร่าน
ซาเลมระบุต่ออีกว่า สำหรับเนทันยาฮู ตนคิดว่า เขาจะมีเวลาทางการเมืองมากขึ้นอีกเล็กน้อย เพราะสิ่งที่ชาวอิสราเอลไม่เห็นด้วยคือเรื่องสถานการณ์ตัวประกัน และสิ่งที่ต้องทำในฉนวนกาซา แต่พวกเขาไม่ได้ไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับภัยคุกคามจากอิหร่าน ยิ่งเมื่อได้เห็นขีปนาวุธและโดรนเหนืออิสราเอลเป็นจำนวนมาก นั่นถือเป็นการยกระดับความกังวลและความตื่นตะหนก
ซาเลมทิ้งท้ายด้วยคำแนะนำว่า ประการแรก หยุดให้สถานการณ์ระหว่างอิสราเอลและอิหร่านต้องลุกลาม ส่วนประการ 2 คือการหยุดยิงในฉนวนกาซา เพื่อไม่ให้การลุกลามในภูมิภาคเกิดขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ฉนวนกาซากำลังก่อให้เกิดการบานปลายในพื้นที่อื่นๆ ที่อาจกว้างกว่านี้มาก ดังนั้นด้วยเหตุผล 2 ประการนี้ เพื่อความมั่นคงของภูมิภาค และเศรษฐกิจโลก การหยุดในฉนวนกาซาถึงเป็นสิ่งที่จำเป็น