ผ่านมาแล้ว 20 ปีสำหรับเหตุวินาศกรรมระเบิด 10 ระลอก ถล่มรถไฟโดยสาร 4 ขบวนในกรุงมาดริด เมืองหลวงของสเปน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 193 ราย บาดเจ็บอีกกว่า 2 พันคน เหตุการณ์นี้ถูกเรียกแบบย่อๆในสเปนว่า 11M ที่มาจากวันที่ 11 เดือน March หรือมีนาคม วันเดียวกันนี้ ยังถือเป็นวันรำลึกถึงเหยื่อก่อการร้ายในยุโรปด้วย ในโอกาสนี้ สเปนและสหภาพยุโรปได้จัดพิธีรำลึกอย่างเป็นทางการ โดยกษัตริย์ฟิลีเป ที่ 6 และสมเด็จพระราชินีเลติเซีย เสด็จเข้าร่วมพิธีด้วย
นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน กล่าวต่อหน้าผู้รอดชีวิตและครอบครัวเหยื่อจากเหตุโจมตีครั้งนั้น ว่า วันนี้เป็นวันแห่งการระลึกถึง แม้ว่าเราไม่สามารถนำชีวิตที่ถูกพรากไปอย่างรุนแรงกลับมาได้ แต่เราสามารถรักษาความทรงจำของพวกเขาให้ดำรงอยู่ต่อไปได้ ใครก็ตามที่เคยประสบเหตุรุนแรงในครั้งนั้นด้วยตัวเอง คงไม่มีวันลืมได้ลง
สเปนเผชิญความรุนแรงจากน้ำมือของ เอต้า (ETA) กลุ่มแบ่งแยกดินแดนแคว้นบาสก์ ยืดเยื้อหลายสิบปี แต่ไม่เคยถูกโจมตีครั้งใหญ่แบบเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2547 เหตุการณ์ดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นก่อนเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน เป็นแรงกระเพื่อมจากเหตุวินาศกรรม 9/11 ในสหรัฐ ตามมาด้วยสงครามอิรักที่สหรัฐอ้างว่าเพื่อกวาดล้างเครือข่ายก่อการร้าย นายกรัฐมนตรีโฆเซ่ มาเรีย อัซนาร์ของสเปนเวลานั้น นำพาประเทศเข้าร่วมสงครามอิรักด้วย ทั้งที่ประชาชนคัดค้านอย่างกว้างขวาง และอุสมา บินลาเด็น ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์ ประกาศจะล้างแค้นทุกประเทศที่เข้าร่วม ผลเลือกตั้งอีก 3 วันต่อมา ปรากฏว่า ประชาชนเทคะแนนให้กับพรรคฝ่ายค้านสเปน และรัฐบาลใหม่ทำตามสัญญาเรื่องถอนทหารจากอิรัก
ต้นเดือนเมษายนปีเดียวกัน ผู้ต้องสงสัย 7 คน ระเบิดตัวตายขณะตำรวจล้อมจับที่แฟลต ชานกรุงมาดริด แรงระเบิดคร่าชีวิตตำรวจ 1 คน ที่สเปนนับเป็นเหยื่อเหตุวินาศกรรมระเบิดรถไฟรายที่ 193 คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยหลายคน แต่หลังการพิจารณาคดี มีผู้ถูกตัดสินลงโทษ 18 คน เกือบทั้งหมดรับโทษครบแล้ว และส่วนใหญ่ถูกส่งกลับประเทศ หรือส่งไปดำเนินคดีในต่างแดน ส่วนมากเป็นโมร็อคโก
20 ปีล่วงมา คงเหลืออีก 3 คนที่ยังถูกจำคุก เป็นชาวโมร็อกโก 2 คน ถูกตัดสินจำคุกรวมกันเกือบ 4 หมื่น 3 พันปี และชาวสเปน 1 คน ถูกจำคุกเกือบ 3 หมื่น 5 พันปี ฐานจัดหาระเบิด
11 March 2004. 193 people were killed and 2,000 injured when 10 bombs exploded on 4 trains in 3 Madrid-area stations during a busy morning rush hour. The bombs were later found to have been detonated by mobile phones. An Islamist group linked to al-Qaida was responsible. pic.twitter.com/43z6HiBSJQ
— Prof. Frank McDonough (@FXMC1957) March 11, 2024