ถึงคิวแม่ยกแห่งขบวนการ 3 นิ้ว ต้องออกโรงแล้ว เพราะก้าวไกลการละครหลบฉากไม่กล้าโผล่กลัวกระแสสังคมตีกลับ นั้นคือ นางทิชา ณ นคร หรือ ป้ามล แม่ทูนหัวของ “หยก” เด็กโข่งแห่งก๊วน 3 นิ้ว วานก่อนขนทีมงานไปเพียบหวังไปกดดันศาล อาทิ นายเอกชัย หงส์กังวาน ที่เพิ่งหลุดคุกมากหมาด ๆ จากคดีขวาง “ขบวนเสด็จฯ” , น.ส.อรวรรณ ภู่พงษ์ หรือ แบม และ นายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือสายน้ำ เพื่อนซี้ร่วมก๊วน น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือแฟรงค์ ผู้ต้องหาคดีป่วนขบวนเสด็จฯ และผู้ต้องหาคดี 112
“ป้ามล” บุกไปหน้าศาลถล่มกระบวนการยุติธรรมไม่เหลือชิ้นดี มิหนำซ้ำปล่อยให้ “หยก” ลูกรักเล่นใหญ่เกินเบอร์ไม่แพ้แม่ทูนหัว ด้วยการใช้ลิปสติกสีแดงเขียนลงบนเสาหน้าศาลอาญาด้วยอักษร ค.ก่อนที่มวลชนโดยรอบจะขอให้น้องหยกยุติการกระทำดังกล่าวและนำผ้ามาเช็ดทำความสะอาด จากนั้นน้องหยกได้เดินไปยังบริเวณด้านหน้าศาลและใช้ลิปสติกแท่งเดิมเขียนลงบนพื้นปูนต่อว่าศาล มวลชนได้ห้ามปราม พร้อมเช็ดทำความสะอาดอีกครั้ง ก่อนที่น้องหยกและเพื่อนชาย จะนั่งรถยนต์ส่วนบุคคลออกไปจากศาล
ทั้งนี้ก่อนก๊วนแม่ยกขบวนการ 3 นิ้วจะสลายตัว ศาลได้ชี้แจง เหตุผลใดถึงไม่ปล่อยตัว ตะวัน และ แฟรงค์ เนื่อจากคำร้องขอปล่อยชั่วคราวตะวันแล้วเห็นว่า การไต่สวนคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 3 ศาลมีคำสั่งกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรัดการสอบสวนให้เสร็จในการฝากขังครั้งนี้ แม้ผู้ต้องหาทั้งสองมีอาการวิกฤตตามที่ผู้ร้องอ้างแต่ ตะวัน และ แฟรงค์ อยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดเชื่อว่าผู้ต้องหาจะไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต
ในสายตานักการเมืองรุ่นใหญ่ เห็นว่าพฤติกรรม “นางทิชา” ให้ท้ายเด็กโข่งในขบวนการ 3 นิ้วจนเสียผู้เสียคน ถึงขนาด “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยทนไม่ไหวต้องออกมาฟาดสติแรง ๆ
คงจำกันได้เมื่อครั้ง ก้าวไกล กับ เพื่อไทยยังจูบปากกันอยู่ ช่วงตั้งไข่รัฐบาลแดงส้มแต่แท้งคลอดไปเสียก่อน เพราะ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายกฯทิพย์ แห่งขบวนการด้อมส้ม ดันทุรังไม่ยอมลดเพดานมาตรา 112 ทำให้ชวดเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 ทำให้บรรดาลิ่วล้อเดือดดาล พากันไปป่วน พรรคเพื่อไทย กดดันอย่าตีจาก เพราะรู้ดีกว่าตอนนั้น เพื่อไทย เตรียมไปวิวาห์ใหม่กับ พรรคร่วมฝ่ายอนุรักษ์นิยมตั้งรัฐบาลแดงเหลืองแล้ว
กลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้าไปบุกรุกพรรคเพื่อไทย อาจจะต้องดำเนินคดีติดคุกถึง 7 ปี ตามกฎหมาย รวมทั้งตำหนิ “หยก” ซึ่งตนสงสารมารดาของเด็กหญิงหยก ที่สั่งสอนมา “ถ้าเป็นลูกผม ผมฆ่าทิ้งเลย เด็กแบบนี้เอาไว้ได้ที่ไหน ถ้าเป็นลูกผม ผมไม่เอาหรอก” นั้นคือ คำพูดของ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ที่ว้ากใส่ลิ่วล้อก้าวไกลที่ทำตัวอันธพาล
เป็นเหตุให้ “ป้ามล” ปรี๊ดแตก ถึงกับยื่นเรื่องให้ประธานสภาตรวจสอบจริยธรรมนักการเมืองของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จากกรณีที่แสดงความคิดเห็นอาฆาตมาดร้าย ต่อ หยก เรื่องราวบานปลายถึงฟ้องร้องหมิ่นประมาทกัน จากนั้นไม่นาน “ป้ามล” ยังได้โพสต์ล่อเป้าอีกว่า คดีดังกล่าวเป็นการฟ้องคดีตบปาก พร้อมระบุว่า “กระบวนการยุติธรรม…ต้องไม่ใช่โชคดี โชคร้าย ปาฏิหาริย์ ศาลพระภูมิ แต่…ต้องเที่ยงตรง เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ
ไม่เท่านั้น “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ไม่เพียงฟ้องสั่งสอนรุ่นแม่ยก ที่คอยให้ท้ายเด็กโข่ง 3 นิ้วจนเหลิง ยังฟ้องสั่งสอนรุ่นพี่ที่คอยให้ท้ายเช่นกัน ด้วยการยื่นคำฟ้องต่อศาลอาญาเพื่อดำเนินคดีกับ บุ้ง ทะลุวัง ในคดีหมิ่นประมาทพร้อมเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ประเด็นดังกล่าวร้อนฉ่าไปทั่วโลกโซเซียล ถึงขนาดเพจเฟซบุ๊กการเมืองดังต่าง ๆ จับมาเล่น อาทิ ระบุว่า เอาแล้ว เสรีพิศุทธ์ ฟ้อง บุ้งทะลุวัง ข้อหาหมิ่นประมาท และ ค้ามนุษย์ พร้อมหาเบื้องหลัง บุ้งเลี้ยงเด็ก รับเงินใครมา ? งานนี้ถ้า บุ้ง ทะลุวัง แพ้คดีมีหวังถังแตก มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถเพื่อชดใช้ค่าเสียหายฐานทำตัวกร่างและปากแจ๋ว