หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานว่า สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐ หรือเอฟบีไอ ได้รวบรวมคดีที่ระบุว่าเกิดขึ้นในปี 2020 พบว่ามีการก่ออาชญากรรมจากความเกลียดชังรวม 7,759 คดี ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปี 2019 และนับว่าเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2008
ข้อมูลดังกล่าวรวบรวมมาจากหน่วยงานตำรวจของรัฐและท้องถิ่นมากกว่า 15,000 แห่งที่ส่งไปยังเอฟบีไอ ข้อมูลได้แสดงให้เห็นว่าในปี 2020 เหตุการณ์อาชญากรรมต่อต้านคนผิวดำได้เพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง ร้อยละ 40 โดยปี 2019 นั้นมีเหตุเกิดขึ้น 1,930 ครั้ง และปี 2020 เพิ่มขึ้นเป็น 2,755 ครั้ง ในขณะที่การก่ออาชญากรรมต่อต้านชาวเอเชียเพิ่มขึ้นร้อยละ 70 จาก 158 ครั้งในปี 2019 เป็น 274 ครั้งในปี 2020
รายงานระบุเพิ่มเติมว่า ในจำนวนผู้กระทำผิดทั้งหมด 6,576 ราย เป็นคนผิวขาวร้อยละ 55, คนผิวดำร้อยละ 20, ไม่ทราบเชื้อชาติร้อยละ 16, เชื้อชาติหลากหลายร้อยละ 6 และเป็นชาวเอเชียร้อยละ 1
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลาเดียวกัน อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังต่อชาวมุสลิมและชาวยิวกลับลดลงจากปีที่แล้ว ที่ร้อยละ 42 และร้อยละ 30 ตามลำดับ
เมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดของสหรัฐ แถลงว่ารายงานสถิติอาชญากรรมจากความเกลียดชังของเอฟบีไอ ในปี 2020 แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องมีการแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน พร้อมระบุว่าสาเหตุหลักของอาชญากรรมจากความเกลียดชังคือ เชื้อชาติ ชาติพันธุ์ บรรพบุรุษ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ
ทั้งนี้ นักเคลื่อนไหวและสมาชิกสภานิติบัญญัติหลายคนเชื่อว่าจำนวนอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชังมีมากกว่าที่มีการรายงาน แต่ที่มีรายงานตามข้อมูลข้างต้น เนื่องจากตำรวจท้องที่ไม่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีพอสำหรับการระบุและจำแนกประเภทอาชญากรรมดังกล่าว ทำให้มีการคาดการณ์ตัวเลขจริงนั้นน่าจะสูงกว่านี้