จากกรณีที่มีการแจ้งข้อมูลมายังทีมข่าว ทีมข่าวท็อปนิวส์ ได้ทราบเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง ที่ลูกชายวัยขวบเศษติดเชื้อโควิด 19 และยังไม่ได้เข้ารับการรักษา เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ทีมข่าวจึงได้ติดต่อไปยัง น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี ให้ข้อมูลว่า ครอบครัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ลูกชายวัย 1 ขวบ 2 เดือน ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด ที่ รพ.เวิร์ดเมดิคอลฯ เมื่อวันที่ 21 เม.ย. และรู้ผล 22 เม.ย. พบว่าเป็นบวก ตอนนี้ยังไม่ได้รับการรักษา ส่วนตัวเองซึ่งกำลังตั้งท้องได้ 3 เดือน 1 สัปดาห์ และพี่ชาย ไปตรวจที่ รพ.มงกุฎวัฒนะ คาดว่าจะรู้ผลในวันนี้ (23 เม.ย.) และยังมียายซึ่งเป็นคนที่เลี้ยงน้อง อยู่ในบ้านอีกหนึ่งคนด้วย ตอนนี้ยังไม่ได้ไปตรวจ
ส่วนสาเหตุที่คนในบ้านติดโควิด เพราะสามีของตนไปกินข้าวกับเพื่อน ซึ่งมาทราบในภายหลังว่าเพื่อนคนที่ไปเจอ ที่ติดโควิด โดยเคสของสามี ทาง รพ.ปากเกร็ด ได้ส่งรถมารับและส่งต่อไปยัง รพ.สนาม ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว ส่วนลูกชายมีอาการไอ หายใจเร็วและแรง มีน้ำมูก คัดจมูก มีเสมหะในคอ และร้องไห้งอแง เบื้องต้นตนได้โทรไปลงทะเบียนที่สายด่วน 1668 และประสานไปยัง รพ.เอกชน ต่างๆ แล้ว แต่ยังต้องรอเตียง
14.00 น. ซึ่งทางทีมข่าวท็อปนิวส์ ได้พยายามประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อหาเตียงให้กับเด็กชายวัยขวบเศษ โดยในเวลาต่อมาทราบว่าทาง รพ.เวิร์ดเมดิคอลฯ ซึ่งเป็นผู้ตรวจคัดกรองให้น้องคนดังกล่าว ได้ติดต่อมายังครอบครัวและเตรียมส่งรถมารับตัวเด็กชายไปรักษา
16.00 น. มีข้อมูลว่าทางครอบครัวต้องโอนมัดจำค่ารักษาจำนวน 2 หมื่นบาท ทาง รพ.จึงส่งรถมารับ ทีมข่าวจึงโทรศัพท์ไปสอบถามกับ น.ส.เอ อีกครั้ง ทราบข้อเท็จจริงว่า ทางครอบครัวได้ปฏิเสธที่จะไปรักษากับ รพ.เวิร์ดเมดิคอล เนื่องจากทาง รพ.บอกว่า ต้องมีพ่อแม่หรือญาติไปเฝ้าน้อง แต่ต้องเป็นคนที่ไม่ติดเชื้อโควิดเท่านั้น ซึ่งตนกำลังรอผลตรวจ ส่วนสามีรักษาตัวอยู่ที่ รพ. มีเพียงยายของเด็กที่จะสามารถไปเฝ้าน้องได้ แต่ยายยังไม่ได้ผ่านการตรวจโควิด จึงตัดสินใจติดต่อไปที่ รพ.เซนต์คาลอส และได้โอนมัดจำค่ารักษาจำนวน 2 หมื่นบาทไปจริง และทำการเบิกกับประกัน เนื่องจากที่ รพ.เซนต์คาลอส อนุญาตให้ยายของน้องไปเฝ้าไข้ได้