ศาลพิพากษา “เบนจา” ผิดม.112 -ฝ่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน

ศาลพิพากษา “เบนจา” ผิดม.112 -ฝ่าพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน

จากกรณีที่ “เบนจา” ปราศรัยและอ่านแถลงการณ์ประกาศแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ฉบับที่ 2 ที่หน้าบริษัทซิโน-ไทย ในระหว่างกิจกรรม ‘คาร์ม็อบใหญ่ไล่ทรราช’ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 และถูกฟ้องเป็นคดีตามความผิดปอ.มาตรา112 และฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ข่าวที่น่าสนใจ

วันนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ ได้เดินทางมารอให้กำลังใจนางสาว เบนจา อะปัญ นักกิจกรรมและนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หลังศาลนัดอ่านคดพิพากษาในคดีที่ “เบนจา” ต่อมาเวลา 09.30 น. นางสาว เบนจา ได้เดินทางมาถึงศาล พร้อมกล่าาวต่อสื่อมวลชนว่า กำลังใจของตนยังดี และพยายามจะคลายความกังวลออกไป เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขอให้ไม่เป็นไปตามที่หวัง ต้องรับสภาพ และเดินหน้าสู้ต่อไป

นางสาวเบนจากล่าวว่า คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในยุครัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอดีตนายกรัฐมนตรี และดำเนินมาเรื่อยๆ จนถึงยุครัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แม้จะมีรัฐบาลใหม่แล้ว แต่ก็พูดได้ไม่เต็มปากว่า คดีเหล่านี้เกิดขึ้นในรัฐบาลปัจจุบัน เพียงแต่มีสิ่งหนึ่งที่ตนคิดว่าในรัฐบาลนี้ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ คือ หาจุดตรงกลางที่จะให้ผ่านจากเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เพราะในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็มีผู้ถูกดำเนินคดีใน คดี ม.112 เยอะ และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลเก่า วันนี้ยังเป็นคดีสะสมสำหรับหลายคน ซึ่งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างไรต่อ และขอให้จับตาดู

นางสาวเบนจา ยอมรับว่า ในช่วงที่ผ่านมา ก็มีบ้างที่กำลังใจลดลง เพราะก่อนหน้านี้การเคลื่อนไหวแผ่วลงไป แต่เข้าใจบริบทของสังคมทุกวันนี้เป็นการเคลื่อนไหวในรูปแบบของรัฐสภา ซึ่งตนมองว่า ต่อให้ดำเนินคดีกับพวกเราไปจนสุดทาง แต่คนที่เปลี่ยนไปแล้วก็เปลี่ยน การที่เอาเราไปขังคุก และตัดสินคดีจำคุกไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้ทำให้สังคมนี้กลับไปอยู่จุดเดิม

นางสาวเบนจา ยังกล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นเพียงแค่อีกหนึ่งเรื่องที่จะต้องต่อสู้และผ่านไปให้ได้ ส่วนตอนนี้ตนมีคดีที่รอการพิพากษาอยู่ 8 คดีเป็นคดีในมาตรา 112 ทั้งหมด หากวันนี้ ได้รับการปล่อยตัวตนจะกลับไปเรียนหนังสือต่อเพราะเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปี

ล่าสุด ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐาน เห็นว่า จำเลยปราศรัยกล่าวถึง ร.10 โดยตรง ชัดว่าเป็นการหมิ่นประมาทล่วงเกิน การเบิกความของจำเลยไม่ได้ทำให้เห็นว่ามีเจตนากล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงรัฐบาลอย่างไร ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จำคุก 3 ปี ส่วนข้อหา พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ศาลสั่งจำคุก 1 ปี และปรับ 12,000 บาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกรวม 2 ปี 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และยังอยู่ระหว่างเรียน ป.ตรี ขณะกระทำผิดมีอายุเพียง 21 ปีเศษ ถือเป็นการกระทำผิดโดยขาดวุฒิภาวะ อยู่ในวิสัยที่จะกลับตัวเป็นพลเมืองดีได้ โทษจำคุกให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สถานทูตจีนยืนยันข่าวบริจาคโดรนให้ก้มพูชาเป็นเฟคนิวส์
"สถานทูตจีน" ตอบชัด ข่าวบริจาคโดรนให้กัมพูชา เพื่อใช้ในปฏิบัติการตามแนวพรมแดนไทย ไม่เป็นความจริง เฟคนิวส์
ศบ.ทก.เผยถก​ GBC ได้ข้อตกลงแล้ว ​เตรียมนำผลประชุมเข้า​ สมช.-​ครม.นัดพิเศษ ก่อน​ "บิ๊กเล็ก" บินลงนามพรุ่งนี้ ติงเขมรแต่งนิยายใส่ร้ายทำลายบรรยากาศ
ม.วลัยลักษณ์ ผนึกกำลัง จีไอเอส กรุ๊ป เอ็มโอยู มุ่งยกระดับงานวิจัยและนวัตกรรมดิจิทัล
โครงการฟาร์มกระบือทันสมัย (BMF) มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) คว้ารางวัล "นักวิจัยดีเด่นด้านกระบือไทย" สาขาผลงานด้านบริการวิชาการ ปี 2568 พร้อมเดินหน้าหนุนเกษตรกรไทยสร้างฟาร์มกระบือสมัยใหม่อย่างยั่งยืน
"ก.แรงงานกัมพูชา" เผย "ชาวเขมร" ในไทย ทะลักกลับบ้านกว่า 6.7 แสนคน แนะรีบลงทะเบียนฝึกอาชีพ รองรับงาน 3 แสนตำแหน่ง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​