คลังยันเดินหน้าเงินดิจิทัล 1 หมื่น เล็งทบทวนเงื่อนไข

คลัง ยืนยันเดินหน้าโครงการ Digital Wallet 1 หมื่นบาท ชี้แหล่งที่มาของเงินอยู่ภายใต้การรักษาวินัยการเงินการคลัง ระบุพร้อมปรับเปลี่ยนเงื่อนไข ทั้งระยะเวลา และรัศมีของพื้นที่ใช้เงิน คาดมีข้อสรุปพร้อมเสนอบอร์ดดิจิทัล ที่นายกฯ เป็นประธาน 24 ต.ค.นี้

วันนี้ (9 ต.ค.66) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมกันแถลงความคืบหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท

 

 

 

 

นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า รัฐบาลจะเดินหน้าผลักดัน โครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 1 หมื่นบาทต่อราย สำหรับกลุ่มอายุ 16 ปี ขึ้นไป โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 56 ล้านคน ซึ่งเป็นเพียง 1 ในอีกหลายนโยบายเพื่อเดินไปสู่รัฐบาลดิจิทัล โดยในส่วนของแหล่งเงิน 5.6 แสนล้านบาท จะใช้งบประมาณเป็นหลัก ซึ่งขณะนี้ได้ให้ สำนักงบประมาณกลับไปพิจารณางบประมาณ ปี 67 เพื่อดึงเม็ดเงินบางส่วนกลับมาใช้ในโครงการนี้

 

ทั้งนี้ ในส่วนที่มี นักวิชาการออกมาถกเถียงในเรื่องนี้นั้นตนรู้สึกดีใจ พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เพื่อปรับเงื่อนไขการใช้เงินให้มากที่สุด และนับว่าเป็นสิ่งดี ที่มีการแสดงความเห็นในวงกว้าง ต่อการดำเนินการนโยบายดังกล่าว ทั้งนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์ ภาคเอกชน ประชาชนรายย่อย

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเดียวกัน สำหรับรายละเอียดของโครงการนั้น ไม่ใช่ประชาชนทุกคนที่จะได้รับเงิน เพราะประชาชนจะต้องทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการก่อน อีกทั้ง เชื่อว่า ในส่วนของประชาชนที่มีรายได้สูงบางรายที่ไม่ต้องการใช้เงินดังกล่าว ก็ไม่ต้องลงทะเบียน ถือเป็นทางเลือกให้กับประชาชน โดยจำเป็นต้องรีสตาร์ทชีวิตของประชาชน สร้างเม็ดเงินใหม่ให้กระจายไปทั่วประเทศ

 

 

 

 

สำหรับโครงการ Digital Wallet แจกเงิน 1 หมื่นบาท จะเป็นเงินอ้างอิงจากเงินบาทในปัจจุบัน ยืนยันไม่ได้สร้างเม็ดเงินขึ้นมาใหม่ และต้องการจุดฉนวนขับเคลื่อนเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อให้กระจายไปทุกที่ ยกระดับคุณภาพชีวิต การสร้างโอกาส การลงทุนเกิดขึ้นในชุมชน เกิดการจ้างงาน จากนั้นรัฐบาลจะมีรายได้กลับคืนมาในทางอ้อม ในรูปแบบภาษี

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงต้องรักษาสัญญาแถลงไว้กับรัฐสภา เดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยว การลดภาระค่าครองชีพผ่านค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจไทย ยังไม่เติบโตอย่างเต็มศักยภาพ และเติบโตช้ากว่าหลายประเทศภูมิภาค ชีวิตประชาชนรายย่อย ยังเปราะบาง รัฐบาลจึงต้องผลักดันจีดีพีเติบโตให้ได้ตามเป้าหมายเศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยปี 5 % ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า

นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า เงินดิจิทัล ไม่ใช่เป็นการเสกเงินขึ้นมาใหม่ ไม่ได้เขียนโปรแกรมสร้างคริปโตใหม่ขึ้นมา ไม่ได้พิมพ์เงินเพิ่มเติม อาจขยายเป็นระดับตำบล ระดับอำเภอ หรือระดับจังหวัด รวมถึงการกำหนดห้าม เช่น ห้ามนำดิจิทัลไปออม เพราะต้องการใช้จ่ายในเวลากำหนด การห้ามนำเงินไปชำระหนี้สิน ซื้อสินค้าอบายมุข เงื่อนไขเหล่านี้ คณะอนุกรรมการหลายชุดจะเร่งประชุม โดยเบื้องต้นจะมีการประชุมในวันที่ 12 ต.ค. และ 19 ต.ค.66 เพื่อสรุปทุกด้านภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณาในวันอังคารที่ 24 ต.ค. 66 ต่อไป

 

ด้านนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การบริโภคที่มีการขยายตัวสูงมากในรอบ 20 ปี เป็นการขยายตัวเพียงบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มท่องเที่ยว ไม่ได้กระจายไปยังกลุ่มอื่น การส่งออกยังประสบปัญหาจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การลงทุนภาครัฐ จากงบประมาณปี 67 ต้องใช้เวลาในต้นปีหน้ากว่าออกสู่ระบบได้ ดังนั้น เครื่องยนต์ที่สำคัญ ช่วงนี้คือ กระตุ้นการบริโภคให้กระจายไปทุกส่วน เพราะรายได้ภาคเกษตร 8 เดือนแรกของปี ยังติดลบ 2.3 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะการบริโภคกลุ่มฐานรากยังไม่เติบโต โดยพร้อมประสานนโยบายการคลัง กับนโยบายการเงินของธปท. ให้สอดประสานทำงานร่วมกัน

 

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การเดินหน้าโครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 1 หมื่นบาทต่อราย ประกอบด้วย
– ประเด็นแรก คือ การเติมเงินดิจิทัล เป็นการเติมเงินไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะกำหนดเงื่อนไขการใช้เงิน ส่งผลไปหลายมิติผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศ เงินดิจิทัล มีความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัยสูงกว่า เป็นข้อแตกต่างที่ไม่สวามารถใช้บทวิจัยในอดีต มาคำนวณผลกระทบกับโครงการใหม่ ซี่งกำลังผลักดันอยู่

 

– ประเด็นที่ 2 การกระจายเงินดิจิทัล 10,000 บาทตต่อราย ไม่ใช่กระตุ้นการบริโภคอย่างเดียว แต่เงินที่มีกำลังทำให้เกิดการการลงทุนขนาดเล็กในชุมชน ทำให้สร้างอาชีพใหม่ สร้างการลงทุนใหม่ ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จึงเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจ

– ประเด็นที่ 3 เกิดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ยกระดับไปสู่การเป็นซูเปอร์แอป ก้าวไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล รองรับประเทศก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัลอิโคโนมี สร้างมูลค่ามหาศาล

– ประเด็นที่ 4 โครงการแจกเงินผ่าน Digital Wallet 1 หมื่นบาทต่อราย เป็นเพียง 1 ในอีกหลายมาตรการ รัฐบาลกำลังทยอยนำออกมาพัฒนาเศรษฐกิจ โดยจะเชื่อมโยงกันทั้งระบบ เตรียมก้าวไปสู่สังคมดิจิทัล ทั้งการรองรับนักท่องเที่ยว การลงทุน ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการสมัยใหม่ เพื่อพัฒนาไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ จึงต้องมีระบบบล็อกเชน มารองรับ

 

– ประเด็นสุดท้าย คือ ความแตกต่าง ของเสถียรภาพ และศักยภาพ ที่ผ่านมาไทยเติบโตแบบมีเสถียรภาพ แต่ไทยกลับเติบโตต่ำกว่าศักยภาพที่เป็นอยู่ จึงยังไม่เพียงพอ เมื่อไทยก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ จึงต้องหารายได้ทุกด้านเข้ามารองรับผ่านหลายโครงการ เพื่อผลักดันไปสู่รัฐสวัสดิการฯ

 

 

ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง พร้อมทำงานประสานนโยบายการคลัง กับนโยบายการเงินของ ธปท. เปรียบเสมือนการขับรถยนต์โดยกระทรวงคลัง เป็นผู้เหยียบคันเร่ง นโยบายการเงิน ทำหน้าที่เบรก จึงต้องขับไปให้มีจังหวะ ผสมผสานกันด้วยกัน เพื่อให้ขับรถไปได้อย่างนุ่มนวล ปลอดภัย ไม่ใช่คลังขับรถ แต่ธปท. คอยเหยียบเบรกอย่างเดียว รถจะไม่เดินหน้าไปได้ คลัง –ธปท. จึงต้องหารือร่วมกันอย่างใกล้ชิด จึงขอให้เชื่อความเป็นมืออาชีพของคลัง ในการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมืองพัทยา เปิดตัวป้ายจอ LED วอล์คกิ้งสตรีทโฉมใหม่ สุดอลังการ ตอบโจทย์เมืองท่องเที่ยวระดับโลก
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบปีที่ 28
สงขลา เปิดม่าน “เมืองแห่งป้อมปราการสู่มรดกโลก”
เมืองคอนจัดโครงการมอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน
ร้อยเอ็ด รมว.ท่องเที่ยว โชว์โดด “Zipline Roi Et Tower”แลนด์มาร์กสุดท้าทายใหม่แห่งอีสาน
เลย ประเมินตำบลยั่งยืนบ้านป่าเป้า ต.ปากปวน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​