เปิดใจเพื่อนร่วมรุ่น’ผกก.โจ้’หนึ่งในทีมแกะรอยรถ ชี้พิกัดอยู่ชลบุรี

สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้รับการเปิดเผยจากตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่น นรต.57 และเป็นหนึ่งในชุดสืบสวน แกะรอยรถยนต์ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ “ผกก.โจ้” ซึ่งได้เปิดใจอย่างละเอียดว่า

หลังจากที่คลิปวงจรปิดของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล พร้อมกับลูกน้องได้ก่อเหตุนำถุงมาคลุมหัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น ซึ่งเผยแพร่ผ่านโลกโซเชียล เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ทางผมและทีมชุดสืบสวนซึ่งได้รับการติดต่อจากผู้บังคับบัญชา เพื่อขอให้มาช่วยในการสืบสวนหาตัว ผกก.โจ้

ซึ่งตอนนั้น เรายังไม่รู้ว่าเค้าไปอยู่ที่ไหน ซึ่งเวลาประมาณ 22.00 น. เราก็ได้แต่เฝ้าหน้าบ้านที่ย่านปัญญาอินทรา รามอินทรา เพื่อรอ และหาพยานตรวจค้น ซึ่งเราก็รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางเจอตัว ผกก.โจ้อยู่แล้ว เพราะเค้าก็เป็นตร.ย่อมรู้ว่าต้องทำอย่างไร

จนเช้าวันที่ 25 ส.ค. เวลา 06.00 น. เราเข้าค้นบ้านพักที่ ซึ่งก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย หรือความผิดปกติแต่อย่างใด ซึ่งก็เหมือนคลิปตรวจค้นบ้านที่ปรากฏผ่านสื่อออกมา ตอนนั้นเราก็คิดเค้าน่าจะขับรถหลบหนีแน่นอน เราจึงไปตรวจสอบรถและข้อมูลทั้งหมด จนพบว่ามีรถคันนึงหายไป 1 คัน เป็นรถ mazda tribute ซึ่งเป็นรถ SUV รุ่นเก่าแล้ว หลังจากนั้นเราจะไปตรวจกล้องวงจรปิดของหมู่บ้าน เห็นว่าเวลา 15.00 น. ผกก.โจ้ ขับออกไป เราจึงดูย้อนไปเรื่อยพบว่า ก่อนหน้านั้นเห็นรถ Ford Escape ขับออกไปแล้วขับกลับเข้า
ผมเลยเอาตัวพลขับมาสอบสวน จนยอมรับว่าเค้าขับรถ Ford Escape ไปส่ง ผกก.โจ้ ที่จุดใต้ทางด่วนคู้บอน หลังจากนั้น ทีมชุดสืบสวนก็ไล่กล้องกันจนพบว่า มีรถมินิคูเปอร์ สีน้ำตาล ทะเบียน 7777 กทม. ซึ่งเป็นรถของคนสนิทของเค้าซึ่งไม่ใช่ตำรวจ เป็นรถของหุ้นส่วนในบริษัท จูซเนส เมื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปอยู่ที่บ้านบึง จ.ชลบุรี
ซึ่งระหว่างนี้ ทีมสืบสวนได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาว่า “ผกก.โจ้” ได้ติดต่อผ่านผู้ใหญ่ว่าจะขอมอบตัวท่ามกลางกระแสข่าวอยู่แถวชายแดนแม่สอด แต่ผมและทีมสอบสวนก็ไม่เชื่อเพราะรู้อยู่แล้วว่าเค้าอยู่ที่ชลบุรี ผมจึงได้แจ้งผู้บังคับบัญชาไป จนแรงกดดันที่สุดแต่สุดท้ายก็มาทราบว่าเค้ามอบตัวแล้ว และลงบันทึกประจำวันที่สภ.แสนสุข

ส่วนที่ถามว่าทำไม “ผกก.โจ้” ต้องหนีมาที่ชลบุรีแล้วจะมีใครอุ้มดูแลเค้าหรือเปล่า ส่วนตัวผมในฐานะชุดสืบสวนและในฐานะเพื่อนสนิทร่วมรุ่นกับเค้าด้วย ผมขอตอบเลยว่า เค้าไม่ได้คิดหนีจริงๆหรอก แค่หนีมาตั้งหลัก เพราะถ้าเค้าตั้งใจจะหนี เค้าคงไปทางชายแดนจ.ตราดแล้ว ในกลุ่มเพื่อนเรารู้ว่า “ผกก.โจ้”มีเพื่อนสนิทร่วมกลุ่มรถเฟอร์รารี่ ที่เป็นลูกชายของผู้บริหารของประเทศเพื่อนบ้าน คือถ้าเค้าจะหนี เค้าสามารถไปได้โดยง่ายและมีการต้อนรับดูแลอย่างดี แต่นี่เค้าเลือกที่จะโทรหาผู้ใหญ่แล้วมามอบตัวเอง

ในฐานะเพื่อน ส่วนไหนที่เค้าทำผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ส่วนเรื่องการรีดเงิน 2 ล้านบาทนั้น ผมเชื่อมั่นว่าเค้าไม่ได้ทำเพื่อเรียกเงินเลย เพราะว่าเค้ารวยมาก และที่ผ่านมาผกก.โจ้เค้าไม่ได้อยู่หน่วยปฏิบัติ เค้าก็เป็นตำรวจทำธุรกิจส่วนตัว เค้าเจ้าสำอางซึ่งก็ไม่จำเป็นทำเรื่องแบบนี้ พื้นที่ฐานครอบครัวเค้าก็พอมีตังค์อยู่แล้ว และที่ผ่านมาเค้าก็ทำธุรกิจรถหรูตามที่ปรากฎเป็นข่าวเลยครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่อาจจะเป็นเหตุให้เค้าได้ทำอะไรที่รุนแรงคือ ผกก.โจ้ เค้าเป็นคน 2 บุคลิก หรือไบโพล่า ตอนที่เค้าปกติดี ก็ดีใจหาย แต่เวลาที่เค้าโมโหจะเป็นคนอารมณ์ร้ายรุนแรงมาก ในกลุ่มเพื่อนสนิทจะรู้เรื่องนี้ดี และที่เค้าบอกกับ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6 ในตอนแถลงข่าว ว่าเค้าเครียดมากจนอยากจะฆ่าตัวตายส่วนตัวผมเชื่อว่าเค้าพูดจริงและจะทำจริง เพราะอารมณ์เค้ารุนแรงมากถ้าโมโห

แต่ทั้งนี้ก็อยากให้สังคมอย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าทำแบบนี้เพราะต้องการรีดเงิน ซึ่งเงินแค่นี้เค้าไม่มีความจำเป็นต้องเอาหรอกเพราะเงินในธุรกิจของเค้าเยอะอยู่แล้ว แต่ส่วนเค้าจะทำไปเพราะอะไร ก็คงอยู่ที่ผู้บังคับบัญชาที่ได้ดำเนินคดีนี้แล้ว ภาพคลิปก็ปรากฏแล้ว ก็คงต้องว่าไปตามกระบวนการกฎหมายครับ
แหล่งข่าวเพื่อนร่วมรุ่นผกก.โจ้ กล่าวในที่สุด