ศาลแพ่งสั่ง สตช.จ่ายชดเชย 2 สื่อ โดนกระสุนยางชุดคฝ.คุมม็อบปี 64

ศาลแพ่งสั่ง สตช.จ่ายชดเชย 2 สื่อ โดนกระสุนยางชุดคฝ.คุมม็อบปี 64

26 ก.ย. 2566 มีรายงานว่าศาลแพ่งมีคำตัดสินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ชำระค่าเสียหายกรณียิงกระสุนยางให้ให้กับสื่อมวลชน 2 รายจนได้รับบาดเจ็บ

 

 

กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ผู้สื่อข่าว PLUS SEVEN และ ช่างภาพ The MATTER เข้าไปรายงานสถานการณ์การชุมนุมบริเวณถนนราชดำเนินและแยกนางเลิ้งเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2564 แต่กลับถูกยิงกระสุนยางเข้าใส่ ทั้งๆ ที่ใส่ปลอกแขนแสดงตัว และไม่ได้มีพฤติกรรมใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าจะมีการใช้ความรุนแรง ก่อจลาจล หรือก่ออันตรายให้กับบุคคลอื่น ทั้งยังไม่มีการประกาศเตือนผู้ชุมนุมว่าจะมีการใช้กระสุนยางอีกเช่นกัน

ต่อมาสื่อมวลชนทั้ง 2 รายจึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง เรียกค่าเสียหายจากสตช. ในความผิดตาม พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 รวมเป็นเงินกว่า 1.4 ล้านบาท

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ดี ในวันนี้ ศาลก็มีคำพิพากษาว่า ให้ สตช.ในฐานะจำเลยที่หนึ่ง และต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน ชดใช้ค่าเสียหายให้ช่างภาพสื่อ 2 คนคือ ธนาพงศ์ เกิ่งไพบูลย์ ผู้สื่อข่าว PLUS SEVEN เป็นจำนวนเงิน 42,000 บาท และชาญณรงค์ เอื้ออุดมโชติ ช่างภาพ The MATTER เป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท

 

ศาลพิพากษาว่า ในกรณีของธนาพงศ์ คฝ.ทำการละเมิดจริง เป็นการกระทำโดยไม่จำเป็น และไม่ได้สัดส่วน เนื่องจากธนาพงศ์ ยืนอยู่ในพื้นที่รวมกับกลุ่มสื่ออื่นๆ และไม่ได้ท่าทีที่คุกคามเจ้าหน้าที่ การกระทำของเจ้าหน้าที่จึงถือว่าทำโดยปราศจากความระมัดระวัง

 

ขณะที่กรณีของชาญณรงค์ซึ่งถูก คฝ.ยิงที่แขนซ้าย บริเวณพื้นที่ใกล้แยกนางเลิ้ง ศาลเห็นว่า เจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางจากจุดที่ไกลเกินกว่าที่จะระบุเป้าหมายเป็นการเฉพาะเจาะจงได้ แต่ศาลก็ยังเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่ เป็นการกระทำที่ขาดความระมัดระวังเช่นกัน
ศาลระบุด้วยว่า การที่ สตช.บอกว่าบาดแผลของชาญณรงค์เหมือนโดนลูกแก้วนั้น ศาลเชื่อว่าเป็นกระสุนยางจริง

 

สำหรับคดีนี้ ศาลแพ่งมี ‘คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว’ ไปเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 โดยสั่งให้ สตช. “ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมและสลายการชุมนุม โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของโจทก์และสื่อมวลชน ภายใต้หลักเกณฑ์และแนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชน” อันเป็นคำสั่งที่ทำให้ ผบ.ตร.ช่วงเวลานั้น ต้องสั่งการกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของสื่อมวลชน

 

 

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา เมื่อเกิดเหตุตำรวจ คฝ.เข้าสลายการชุมนุมกลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 บริเวณถนนดินสอ ในวันที่ 18 พ.ย. 2565 อย่างรุนแรง จนทำให้สื่อมวลชนอย่างน้อย 4 รายได้รับบาดเจ็บ ศาลแพ่งก็รับคำขอให้เรียกตัวแทน สตช. มาไต่สวนว่าได้ละเมิด ‘คำสั่งคุ้มครองชั่วคราว’ จากคดีกระสุนยางหรือไม่ แม้สุดท้ายจะไม่ได้เรียกบุคคลมาไต่สวน โดยให้ส่งเอกสารมาชี้แจงแทน แต่ศาลก็ระบุว่า สื่อมวลชนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุสลายการณ์ชุมนุมกรณีสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 สามารถใช้สิทธิทางแพ่งหรือทางอาญาแยกเป็นคดีใหม่ต่างหากได้

 

 

สำหรับการนัดอ่านคำพิพากษา ‘คดีกระสุนยาง’ ของศาลแพ่งครั้งนี้ เกิดขึ้นภายหลังการนัดไต่สวนพยาน ทั้งฝ่ายโจทก์ จำนวน 14 ปาก ระหว่างวันที่ 19-21 ก.ค. และฝ่ายจำเลย จำนวน 8 ปาก ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. ที่ผ่านมา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สถานทูตเกาหลีใต้" แจงโต้ "สื่อเขมร" ปมข่าวขายเครื่องบินโจมตี-ติดขีปนาวุธนำวิถีให้ไทย เป็นข่าวเท็จ
โคราช เปิดโครงการธนาคารหมวกกันน็อคแห่งแรกของประเทศ ให้ยืมหมวกกันน็อค แทนการเสียค่าปรับ หวังลดภาระค่าปรับแพง สร้างวินัยจราจร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเงินช่วยเหลือครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา
"กกร."จับตาเงื่อนไขเจรจาภาษีทรัมป์เหลือ 19% กระทบแค่ไหน จีดีพีปี 68 คาดขยายตัว 1.8-2.2%
ริโก้ฯ ดึงพลังเยาวชน ขับเคลื่อน Circular Economy ผ่าน Ricoh R-cademy ปีที่ 16 เปลี่ยนขยะเป็นอนาคต ตลับหมึกริโก้กลายเป็นบล็อกปูพื้นและม้านั่ง
กักกันสัตว์มุกดาหาร บูรณาการร่วม ฝังทำลายซากสัตว์ของกลาง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​